คนไทยในสหรัฐฯต้อนรับนายกอบอุ่น 'เศรษฐา' ยันรัฐบาลฟื้นเศรษฐกิจกินดีอยู่ดี

คนไทยในสหรัฐฯต้อนรับนายกอบอุ่น 'เศรษฐา' ยันรัฐบาลฟื้นเศรษฐกิจกินดีอยู่ดี

โฆษกรัฐบาล เผยชาวไทยในสหรัฐฯ ต้อนรับนายกฯ อบอุ่น เชื่อมั่นคนไทยต่างแดนภูมิใจความเป็นไทยเผยแพร่ภาพลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก ยันรัฐบาลจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้คนไทยกินดีอยู่ดี

เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2566 เวลา 16.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก ซึ่งช้ากว่าไทย 15 ชั่วโมง) ที่โรงแรม Ritz-Carlton นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พบปะกับชุมชนชาวไทยในสหรัฐอเมริกา โดยนายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ดังนี้ 

นายกรัฐมนตรียินดีที่ได้มาพบกับพี่น้องชาวไทยทุกคน ซึ่งตนเองเคยอยู่สถานะที่ใกล้เคียงกับทุกท่าน เป็นนักเรียนที่ซานฟรานด้วยเหมือนกัน เป็นนักเรียนที่นี่อยู่อเมริกามา 6 ปีเต็ม แต่อาจจะไม่โชคดีเหมือนทุกท่าน เพราะพยายามจะหางานทำ แต่ยังทำไม่ได้และไม่ได้เก่งมากจนบริษัทต้องการให้ทำงานที่นี้ จึงต้องกลับไปทำงานบริษัทฝรั่งที่เมืองไทย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าลูกทั้งสองของตนเองก็ทำงานต่างประเทศ ซึ่งในฐานะผู้ปกครองอยากให้เขากลับไปใช้ชีวิตในเมืองไทยดีกว่า ยอมรับประเทศไทยไม่มีข้อเสนออะไรที่ดีกว่า ที่สามารถดึงดูดให้กำลังสำคัญของชาติกลับไปทำงานที่ประเทศไทย เราต้องช่วยกันเสริมสร้างความแข็งแกร่ง สร้างขีดความสามารถของประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผล ที่ตนเองได้เดินทางเข้าสู่ชีวิตการเมือง ทั้งนี้ ตั้งแต่รับหน้าที่มาสองเดือนกว่าได้เดินทางไปในหลาย ๆ ประเทศ ถือเป็นภารกิจของรัฐบาลแต่ละรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้มีหน้าที่ภารกิจหลักที่ต้องทำคือประกาศให้ทั่วโลกรู้ว่า ประเทศไทยเปิดแล้ว ประเทศไทยพร้อมแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่ดีกว่าเวลานี้อีกแล้ว ที่จะมาลงทุนในประเทศ

นายกรัฐมนตรีแสดงความดีที่ได้พบปะกับคนไทยใสหรัฐอเมริกาอยากจะบอกว่าหลาย ๆ ท่านยังมีอายุน้อย และคงวางแผนอนาคตอยู่ว่าจะอยู่ที่นี้นานแค่ไหน แต่ถ้าประเทศไทยสามารถมีสิ่งที่ดีกว่า เชื่อว่าหลาย ๆ ท่านคงต้องการกลับประเทศไทย ที่ผ่านมาได้เดินทางไปต่างประเทศ ได้พบปะนักธุรกิจบริษัทใหญ่ๆ มากมาย และเป็นหน้าที่ตนเองที่ต้องชักชวนให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในประเทศไทย  ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการทำเกษตรกรรมเยอะ การทำเกษตรกรรมไม่ใช่อาชีพที่ไม่มีเกียรติ แต่เป็นอาชีพที่มีรายได้ไม่สามารถดึงดูดแรงงานดึงดูดพี่น้องคนไทยในต่างแดนให้กลับไปทำงาน จึงจำเป็นต้องยกระดับหลายๆ ส่วน 

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีในช่วงสองเดือนที่ได้เดินทาง ส่วนหนึ่งมาจากรัฐบาลที่ผ่านมาที่ได้ปูทางไว้แล้ว ตนเองและรัฐบาลนี้ได้มาสานต่อ โดยมีทีมงานที่แข็งแกร่งได้ทำงานกับหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นบีโอไอ กระทรวง ทบวงกรมต่างๆ ซึ่งมีข้าราชการที่มีความสามารถ และมีความปรารถนาดีกับประเทศมาช่วยกันทำงาน ทำให้นักลงทุนสนใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น เช่น บริษัทอเมซอน Google และ Facebook รวมถึงบริษัทนักลงทุนจากประเทศจีนก็มีความสนใจมาลงทุนบริษัทรถไฟฟ้าในประเทศไทย ซึ่งคาดว่าภายใน 2-3 เดือนจะมีการลงทุนอย่างแน่นอน 

นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า การเดินเข้าสู่เวทีการเมือง สิ่งที่ต้องการทำคือ ต้องการยกระดับความเป็นอยู่ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น ไม่อยากให้พี่น้องประชาชนคนไทยติดอยู่กับกับดักรายได้ปานกลาง ต้องการยกระดับขีดความสามารถของประเทศให้สูงขึ้น ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพ แต่ไม่ได้ดึงศักยภาพที่มีของทั้งประเทศมาใช้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา การพัฒนาพัฒนาบุคลากร และระบบภูมิศาสตร์ ซึ่งเราตั้งอยู่ในภูมิรัฐศาสตร์ที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ โดยในสถานการณ์ความขัดแย้ง รัฐบาลมีนโยบายชัดเจน คือ มีความเป็นกลาง ต้องการยืนอยู่ในความขัดแย้งอย่างมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี ยึดมั่นกับความสงบ ไม่เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่บนความขัดแย้ง ย่อมมีโอกาสที่ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุมชนไทยในสหรัฐฯ ถือเป็นชุมชนไทยในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีจำนวนคนไทยประมาณ 3 แสนคน ส่วนใหญ่พำนักอยู่ในฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ โดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีชุมชนไทยจำนวนประมาณ 7 หมื่นคน โดยอาศัยอยู่บริเวณซานฟรานซิสโก และเขตเบย์แอเรียอยู่ค่อนข้างมาก นอกจากนี้ นครลอสแอนเจลิสยังเป็นที่ตั้งของ “ไทยทาวน์” แห่งแรกของโลกอีกด้วย โดยการพบปะกับชาวไทยในครั้งนี้ของนายกรัฐมนตรี มีคนไทยในสหรัฐฯ เข้าร่วมประมาณ 150-200 คน