นายกฯลั่นการเมืองไทยมีเสถียรภาพ-พร้อมต้อนรับนักลงทุน

นายกฯลั่นการเมืองไทยมีเสถียรภาพ-พร้อมต้อนรับนักลงทุน

นายกฯลั่นการเมืองไทยมีเสถียรภาพ-พร้อมต้อนรับนักลงทุน ยกดิจิทัลวอลเล็ตปูทางอุตสาหกรรมดิจิทัลในอนาคต ขออย่าวิพากษ์วิจารณ์นโยบาย ยันพยายามปรับปรุงข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน ซัดอย่าเอาความคิดส่วนตัวมาพูด ต่างคนต่างทำงาน

วันนี้ (15 พ.ย. 2566) เวลา 13.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโกซึ่งช้ากว่ากรุงเทพฯ 15 ชั่วโมง) ณ Summit Hall ศูนย์การประชุม Moscone Center (West) นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายเศรษฐา ทวีสิน กล่าวปาฐกถาในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค (APEC CEO Summit 2023) เน้นย้ำว่า ขณะนี้ถึงเวลาที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยแล้ว และไทยพร้อมที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรทุกรายจากทั่วโลก เพื่อพบปะและพูดคุยกับผู้นำธุรกิจ APEC ที่โดดเด่นจากทั่วภูมิภาค ซึ่งถือเป็นผู้ขับเคลื่อนที่สำคัญทางเศรษฐกิจ

ด้วยบรรยากาศทางการเมืองที่มีเสถียรภาพ รัฐบาลกำลังผลักดันอย่างเต็มที่ผ่านนโยบายทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่จะมีการบังคับใช้อย่างจริงจัง โดยให้ความสำคัญกับการขยายการเติบโต กระตุ้นความสามารถในการแข่งขัน และ ยกระดับตำแหน่งของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางที่โดดเด่นสำหรับการค้าและการลงทุน การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยและดึงดูดการลงทุน ส่งเสริมนวัตกรรมและความเป็นผู้ประกอบการ ขณะเดียวกันต้องส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืนด้วย 

ทั้งนี้ ประเทศไทย โดยรัฐบาลกำลังวางแผนที่จะใช้เทคโนโลยีบล็อคเชน เพื่อดำเนินโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) ซึ่งสิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศของเราเท่านั้น แต่ยังจะยกระดับการรับรู้และทักษะด้านดิจิทัลอีกด้วย โดยในระยะยาว รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลดิจิทัล ส่งเสริมการทำงานร่วมกัน เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลของบริการสาธารณะของประเทศ รวมทั้งพร้อมจะต้อนรับการลงทุนและแรงงานที่มีทักษะเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมดิจิทัล

นอกจากนี้ ไทยจะเร่งเดินหน้าเขตการค้าเสรีเอเชีย - แปซิฟิก (FTAAP) ยังคงเป็นปณิธานที่สำคัญ และจะทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รวมทั้งการเร่งสถาปัตยกรรมการค้าทวิภาคีและภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อสร้างพันธมิตรใหม่ และไทยจะยกระดับ FTA เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ ๆ ที่กำลังเกิดขึ้น เพื่อเสริมสร้างการเชื่อมโยงระหว่างเศรษฐกิจร่วมกัน 

ขณะเดียวกันได้เปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุนใหม่ ๆ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาสะพานข้ามทะเลเพื่อเชื่อมต่อทะเลอันดามันกับอ่าวไทย (Landbridge) ซึ่งจะช่วยลดเวลาการเดินทางระหว่างมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าและโลจิสติกส์ระดับภูมิภาคภายในทศวรรษนี้ 

ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพบปะกับคู่ค้าทางธุรกิจระหว่างการเยือนต่างประเทศ ซึ่งจะนำทีมผู้นำธุรกิจจากประเทศไทยเพื่อสร้างเครือข่ายและการจับคู่ธุรกิจเพิ่มเติมที่นครซานฟรานซิสโก พร้อมมีความยินดีที่จะทำงานร่วมกันและสร้างความก้าวหน้าที่มีความหมายต่อไปสำหรับผู้คนในปัจจุบันและรุ่นต่อ ๆ ไป โดยเน้นย้ำว่า “ถึงเวลาแล้วที่จะลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น” ซึ่งไทยพร้อมก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและจะขยายความร่วมมือร่วมกันต่อไป

นายเศรษฐา กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายที่ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ของรัฐบาลว่าไม่ตรงกับที่หาเสียงเอาไว้ ว่า หากเรายึดมั่นกับสิ่งที่พูดไปโดยไม่ฟังความคิดเห็น ก็จะโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ซึ่งเราพยายามทำให้ดีที่สุด แต่ต้องปรับปรุงแต่งเติมบ้างตามข้อคิดเห็น หรือข้อเสนอแนะของทุกภาคส่วน และไม่สามารถทำให้ทุกคนพอใจได้ พยายามรับฟังอยู่ วันนี้ก็รับฟัง อะไรที่ไม่ก้าวร้าวก็ไม่พร้อมจะรับฟัง 

ส่วนที่มีการวิจารณ์ว่าการดำเนินการโครงการไม่ตรงกับที่หาเสียงเอาไว้ โดยอ้างว่าเป็นเพียงเทคนิคในการหาเสียง อย่างเช่น บอกว่าจะไม่กู้เงิน แต่รัฐบาลก็ก็กู้  นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกสิ่งที่พูดไปนั้น พยายามทำให้ได้อย่างที่พูดแต่ต้องมีการปรับปรุงแต่งเติมกันบ้าง แล้วแต่จะคิดไม่อยากไปตอบโต้ สำหรับคำพูดที่ว่าจะทำแล้วไม่ทำ อย่าเอาความคิดของท่านมาให้ผมเลย ต่างคนต่างคิดต่างคนต่างทำมีหน้าที่ก็ทำไป เป็นหน้าที่ของท่านที่ท่านจะพูด ส่วนผมก็เป็นหน้าที่ของผมที่ผมจะทำ

สำหรับกรอบระยะเวลาการดำเนินโครงการยังเหมือนเดิมหรือไม่หรือต้องรอความชัดเจนจากคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เข้าใจว่า ตอนที่เราดูเรื่องไทม์ไลน์ไปแล้วเราดูเรื่องกฤษฎีกาแล้ว ว่าเราก็มีเวลาให้กฤษฎีกา ซึ่งไม่ต้องการไปกดดัน ว่าจะมีการประชุมเมื่อไหร่อย่างไร

ขณะนี้ยืนยันว่ายังคงอยู่ในไทม์ไลน์และตั้งใจจะดำเนินการโครงการนี้จริงๆ ไม่ใช่หาทางออกและการที่หลายหลายคนบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่อยากให้ทุกฝ่ายตรวจสอบได้ รัฐบาลจึงดำเนินการให้มี พรบ. ให้สภาสามารถตรวจสอบได้ ต้องให้เกียรติทุกภาคส่วน ไม่มีอะไรที่ทำแล้วทุกคนพอใจแต่ต้องพยายามทำเพื่อประชาชน วันนี้เรื่องของการหาเสียงจบไปแล้ว ถึงเวลายกระดับความเป็นอยู่ของประชาชน และจะพยายามทำให้ดีที่สุด