'เศรษฐา' บินสหรัฐฯ ประชุมเอเปคครั้งที่ 30 สานต่อไทยเป็นที่ยอมรับเวทีโลก

'เศรษฐา' บินสหรัฐฯ ประชุมเอเปคครั้งที่ 30 สานต่อไทยเป็นที่ยอมรับเวทีโลก

'นายกฯเศรษฐา' เดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา ร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 สานต่อบทบาทโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ จากการเป็นเจ้าภาพเอเปคปี 2565

เมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2566 นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และคณะ จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ 30 (2023 APEC Economic Leaders’ Meeting) และกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 12 - 19 พ.ย. 2566 ณ นครซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา
 
โดยเอเปคเป็นเวทีพิเศษที่ไทยมีบทบาทเท่าเทียมและใกล้ชิดกับเขตเศรษฐกิจทั่วภูมิภาคโดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจมหาอำนาจ เช่น สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย และเป็นเวทีที่ไทย มีบทบาทโดดเด่นเป็นที่ยอมรับ โดยเฉพาะความสำเร็จจากการเป็นเจ้าภาพเอเปคเมื่อปี 2565 ของไทยภายใต้หัวข้อหลัก “Open. Connect. Balance.” ซึ่งประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดีถือเป็นการรวมตัวของผู้นำแบบพบหน้า ครั้งแรกในรอบ 4 ปี และบรรลุผลลัพธ์สำคัญโดยฉันทามติท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ท้าทาย

การเข้าร่วมการประชุมฯ ของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เป็นโอกาสเพื่อนำเสนอนโยบาย สร้างความเชื่อมั่น รวมถึงสานต่อผลลัพธ์ของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปี 2565 โดยยังจะเป็นโอกาสให้ได้พบหารือเพื่อสร้างความร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจเอเปค และภาคเอกชนเอเปค

โดยประเด็นที่ไทยผลักดัน อาทิ

  • การค้าการลงทุน ย้ำความมุ่งมั่นต่อระบบการค้าพหุภาคีที่มีองค์การการค้าโลกเป็นแกนกลาง
  • ความเชื่อมโยง ผ่านการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเป็นศูนย์กลางขนส่งในภูมิภาค เชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดียผ่านโครงการ Landbridge
  • ความยั่งยืน ผลักดันการสานต่อเป้าหมายกรุงเทพฯ
  • เศรษฐกิจดิจิทัล
  • ความครอบคลุมและความเท่าเทียม

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีภารกิจในกรอบเอเปค ประกอบด้วย การกล่าวปาฐกถาในการประชุมสุดยอดผู้นำภาคเอกชนของเอเปค (APEC CEO Summit) การหารือในช่วงอาหารกลางวันและการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับแขกพิเศษของประธาน การหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในรูปแบบ Retreat
 
โดยนายกรัฐมนตรีจะร่วมกิจกรรมเพื่อสนับสนุนการค้าการลงทุนในไทยในการเดินทางครั้งนี้ด้วย