ย้อนศึกเมืองคอน‘2ตระกูล’สีฟ้า ‘บุณยเกียรติ-เสนพงศ์’

ย้อนศึกเมืองคอน‘2ตระกูล’สีฟ้า    ‘บุณยเกียรติ-เสนพงศ์’

ย้อนรอยศึก "2ตระกูล" สีฟ้า "บุณยเกียรติ-เสนพงศ์" จาก "เกมล้างแค้น" สู่ "วันคืนอิสรภาพ" เจาะสนามเมืองคอน ในวันที่การเมืองเปลี่ยน

การคืนสู่อิสรภาพของ “2พี่น้อง”นักการเมืองดังเมืองนครศรีฯ“เทพไท-มาโนช” เสนพงศ์ อดีตส.ส.และอดีต นายก อบจ.นครศรีธรรมราช หลังถูกจองจำในคดีทุจริตการเลือกตั้งนายกอบจ.เป็นเวลา 16 เดือน เข้าเงื่อนไขจำคุก2 ใน 3 ได้รับการ“พักโทษ”

โดย2พี่น้องเสนพงศ์ ยังต้องใส่กำไล EMเป็นเวลา 8 เดือน

ย้อนรอยเรื่องนี้ จุดเริ่มต้นเกิดขึ้นในปี2557 เวลานั้นเกิดศึก “2ตระกูลสีฟ้า” เมื่อ “พิชัย บุณยเกียรติ” อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช  (เวลานั้นยังอยู่พรรคประชาธิปัตย์) และยังเป็นน้องชายของ “ชินวรณ์ บุณยเกียรติ” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “มาโนช”  น้องชายเทพไท อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กรณีทุจริตเลือกตั้งนายกอบจ. ด้วยการจัดเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง อันเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้ง 

ก่อนที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง จะมีมติให้ “ใบแดง” สั่งให้มีการเลือกตั้งนายกอบจ.ใหม่ และ “เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง”  “มาโนช” พร้อมทั้งเรียกค่าเสียหายค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง  33 ล้านบาท รวมทั้งส่งคำฟ้องมายังศาลอุทธรณ์ภาค 8

ต่อมา “พิชัย” ได้ยื่นต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เอาผิดทางอาญา ฟ้องมาโนช เป็นจำเลยที่ 1 และเทพไท เป็นจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาฐานร่วมกันกระทำความผิด ในการทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช

ในฐานทำผิด พ.ร.บ. การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2545กรณี “เลี้ยงหรือรับจะจัดเลี้ยงแก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่ผู้สมัครอื่น”

ย้อนศึกเมืองคอน‘2ตระกูล’สีฟ้า    ‘บุณยเกียรติ-เสนพงศ์’

28 ส.ค. 2563 ศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชพิพากษา สั่งจำคุก เทพไทและน้องชาย คนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา แต่คดียังเป็นเพียงแค่ศาลชั้นต้น “เทพไท” จึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์

ขณะที่กกต.ได้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า กรณีนายเทพไทจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ และพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.ด้วยหรือไม่

16 ก.ย. 2563 ศาลรัฐธรรมนูญ รับคำร้องของ กกต.และมีคำสั่งให้เทพไท หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย

27ม.ค. 2564 หลังขั้นตอนการพิจาณาศาลรัฐธรรมนูญดำเนินไปอย่างครบถ้วนที่สุด ศาลจึงสั่งให้ “เทพไท” สิ้นสภาพการเป็นส.ส.

จากนั้นเมื่อกระบวนการได้ดำเนินไปถึงขั้นสุดท้าย ที่สุดวันที่ 6ก.ค.2565 ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก“2พี่น้อง”  มาโนช-เทพไท เป็นเวลา 2 ปีและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี คดีทุจริตเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช ถือเป็นการสิ้นสุดอิสระภาพนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา 

ว่ากันว่า ในห้วงที่คดีความของ “เทพไท” และ “น้องชาย” เข้าสู่ชั้นการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ฝั่ง “ชินวรณ์” ที่เวลานั้นเป็นส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ รองประธานวิปรัฐบาลในรัฐบาลประยุทธ์  และเป็นพี่ชายของ "พิชัย" คู่อริ มี “คนในรัฐบาล” ออกแรงหนุนทั้งบนดินและใต้ดิน จนกระทั่งมัด “2พี่น้องเสนพงศ์” จนดิ้นไม่หลุด

ยามนั้น “คนในรัฐบาล” หวังสั่งสอนเทพไท ซึ่งอยู่ในกลุ่มสส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มักทำตัวเป็น “ฝ่ายค้านในรัฐบาล” ด้วยการ “เชือดไก่ให้ลิงดู”  กำกราบสส.คนอื่นๆไม่ให้เอาเป็นเยี่ยงอย่าง 

ย้อนศึกเมืองคอน‘2ตระกูล’สีฟ้า    ‘บุณยเกียรติ-เสนพงศ์’

หลัง “เทพไท”  หลุดส.ส.จนกระทั่งมีการเลือกตั้งซ่อมเขต3จ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ส่ง  “พงศ์สิน เสนพงศ์”น้องชายเทพไท ลงชิงเขตดังกล่าว  ขณะที่พลังประชารัฐ ส่ง “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ลงชิงเขตดังกล่าวเช่นเดียวกัน

 เวลานั้นเกิดศึกในขั้วรัฐบาลลามเป็นวิวาทะข้ามพรรคทวงถามถึง “มารยาทการเมือง”  ในการหลีกทางส่งผู้สมัคร ทว่าเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอย ผลการเลือกตั้งครั้งนั้น ประชาธิปัตย์ ต้องเสียเก้าอี้สส.เขต3นครศรีธรรมราชให้กับพลังประชารัฐ เมื่อ “อาญาสิทธิ์” ได้รับชัยชนะด้วยคะแนน  48,701 คะแนน  ขณะที่ “พงศ์สิน”จากพรรคประชาธิปัตย์  ได้ 44,632 คะแนน 

ขณะที่ “พิชัย” หลังฟ้องร้อง “2พี่น้องเสนพงศ์” ในปี2557สนามเลือกตั้งท้องถิ่นถูก “แช่เข็งยาว” จากการรัฐประหารของคสช.

จนกระทั่งการเลือกตั้งปี2562 “พิชัย” ลงสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ขณะที่ “ชินวรณ์” พี่ชายยังสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ได้รับเลือกเป็นส.ส.เขต5 

ต่อมาใน ปี2563 มีการเลือกตั้งนายกและสมาชิกอบจ.เป็นสนามแรกของสนามท้องถิ่น หลังแช่แข็งนาน6ปี “พรรคสีฟ้า” แข่งกันเอง เมื่อ “พิชัย” น้องชายชินวรณ์ ได้รับแรงหนุนจากพี่ชาย รวมถึง วิทยา แก้วภราดัย อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ลงชิงนายกฯอบจ. ชน กับ “กนกพร เดชเดโช” ภรรยา “วิฑูรย์ เดชเดโช” อดีตนายกฯอบจ.บ้านใหญ่นครศรีธรรมราช และเป็นมารดาของ “ชัยชนะ เดชเดโช” ส.ส.นครศรีธรรมราช

ผลการเลือกตั้งครั้งนั้น “นายกต้อย” กนกพร ได้รับคะแนนเสียงท้วมท้น 263,743 คะแนน ขณะที่ “พิชัย” ได้ที่4ได้คะแนน 62,159 คะแนน

 

ย้อนศึกเมืองคอน‘2ตระกูล’สีฟ้า    ‘บุณยเกียรติ-เสนพงศ์’

ขณะที่การเลือกตั้งเมื่อปี2566  การเมืองค่ายสีฟ้าถูกแบ่งเป็นก๊ก-เป็นขั้วอย่างชัดเจน “พงศ์สิน เสนพงศ์” ในวันที่พี่ชายทั้ง2คน ถูกกุมขังในเรือนจำ ย้ายจากพรรคประชาธิปัตย์ไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ลงชิงเขต4 นครศรีธรรมราช ได้คะแนนลำดับ3ด้วยคะแนน 15,288 คะแนน โดยเก้าอี้ส.ส.เขตดังกล่าวตกเป็นของ “ยุทธการ รัตนมาศ” ตัวแทนบ้านใหญ่เดชเดโช จากพรรคประชาธิปัตย์

ไม่ต่างจาก  “ชินวรณ์” คู่แค้นเก่าเสนพงศ์  ลงชิงเขต7 นครศรีธรรมราชในนามพรรคประชาธิปัตย์ถูก“โค่นแชมป์” ตกไปอยู่ที่4 ด้วยคะแนน  8,879 คะแนน โดยเก้าอี้สส.เขตดังกล่าวตกเป็นของ “ษฐา ขาวขำ”จากพรรคภูมิใจไทย ที่ได้คะแนน  27,943 คะแนน

การคืนสู่อิสรภาพของ “2พี่น้อง” ตระกูลเสนพงศ์ หลังถูกจองจำ 16 เดือน ภายใต้เงื่อไขการ “พักโทษ” มิวายถูกจับตาไปที่คดีอื่นๆโดยเฉพาะคดีของบรรดา “บิ๊กเนมการเมือง” ที่รอคืนสู่อิสรภาพหลังจากนี้!!