'มงคลกิตติ์' อ้าแขนรับ 'สส.แจ้' เข้าพรรค บอกให้โอกาสทำงาน ชดใช้ความผิด

'มงคลกิตติ์' อ้าแขนรับ 'สส.แจ้' เข้าพรรค บอกให้โอกาสทำงาน ชดใช้ความผิด

"หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์" เผยชวน "วุฒิพงศ์" เข้าพรรค ไม่หวั่นกระทบภาพลักษณ์ เหตุต้องการให้โอกาสทำงาน ชดใช้ความผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์  ระบุผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ว่า พร้อมรับนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา หรือ 'สส.แจ้' สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกมติของพรรคก้าวไกล ขับออกจากสมาชิกพรรค หลังมีกรณีแชทสยิวกับสาวที่ทำงานเป็นผู้ช่วยหาเสียง โดยระบุว่า พร้อมให้โอกาส เนื่องจากนายวุฒิพงศ์ เป็นคนพิษณุโลกเหมือนตน และยังเป็นรุ่นน้องในโรงเรียน และมหาวิทยาลัยเดียวกับตน อีกทั้งตนต้องการให้โอกาสทำงานเพื่อชดใช้ความผิด

\'มงคลกิตติ์\' อ้าแขนรับ \'สส.แจ้\' เข้าพรรค บอกให้โอกาสทำงาน ชดใช้ความผิด

และล่าสุด นายมงคลกิตติ์เปิดเผยว่า ตนได้พูดคุยกับนายวุฒิพงศ์ ถึงการชักชวนให้ร่วมทำงานกับพรรคไทยศรีวิไลย์ เบื้องต้นนายวุฒิพงศ์มีความสนใจทำงานกับพรรคในเวลาที่เหลืออยู่อีก 3ปีกว่า แต่ความชัดเจนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายวุฒิพงศ์

นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับพรรคได้หารือกับผู้ใหญ่ในพรรค และ เห็น ตรงกันว่าพร้อมยอมรับนายวุฒิพงษ์เข้ามาเป็นส.ส.ในสังกัด เนื่องจากพฤติกรรมที่ถูกพรรคก้าวไกลขับออกนั้น ไม่ถึงขั้นเป็นการคุกคามทางเพศ  อีกทั้งไม่ใช่คดีรุนแรง เช่น ทุจริต คอร์รัปชั่นหรือกระทำความผิดอาญา

 

"สส.แจ้งชี้แจงข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศให้ผมได้ทราบว่าเป็นอย่างไร บอกว่าเป็นเพียงการพูดคุยผ่านไลน์ และเห็นว่านายวุฒิพงษ์ควรพิสูจน์ตัวเองอีก 3 ปีในช่วงที่เป็นส.ส.อยู่ในสภา และหากพ้นสมาชิกภาพไปก็จะต้องเสียเงินค่าเลือกตั้งใหม่"นายมงคลกิตติ์ กล่าว

นายมงคลกิตติ์ กล่าวด้วยว่าสำหรับความผิดของนายวุฒิพงษ์ไม่ก่อความรุนแรง ซึ่งต่างจากกรณีของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคก้าวไกลที่ดูเหมือนว่าจะหนักกว่า แต่ต้องดูรายละเอียดว่าเป็นการข่มขืนหรือมอมเหล้าหรือไม่ ถ้ามอมเหล้าถือว่ามีความผิดทางอาญา 

 

นายมงคลกิตต์ กล่าวด้วยว่า กรณีของสมาชิกพรรคก้าวไกลคาดว่ามีอีกหลายเรื่อง เพราะมีคนมาร้องเรียนที่ตนหลายเคส มีเป็นผู้สมัครจากพื้นที่อีสาน โดนข้อหาข่มขืนซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาแล้วหลุดคดี ตอนนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์  ดังนั้นจึงเห็นว่ากรณีของนายวุฒิพงศ์นั้น เบากว่าเยอะและไม่กังวลว่าการที่รับเข้าพรรคจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของพรรค เพราะมองว่าต้องการให้โอกาสทำงานในอีก 3 ปีที่เหลือ.