'อุ๊งอิ๊ง' กระชับอำนาจ เพื่อไทย บารมีนายแม่ แบ็ก นายหญิงใหม่

'อุ๊งอิ๊ง' กระชับอำนาจ เพื่อไทย บารมีนายแม่ แบ็ก นายหญิงใหม่

เส้นทางอำนาจของอุ๊งอิ๊ง และพรรคอนุรักษนิยมใหม่ เริ่มเห็นร่องรอยของการหลอมรวมกลุ่มต่างๆ ทิศทางน่าจะเทมารวมกันในเวลาที่เหมาะสมต่อไป

การขึ้นกุมบังเหียนเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยของแพทองธาร ชินวัตร กลายเป็นสัญญาณบ่งบอกทิศทางการเมืองหลังจากนี้ได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะบทบาทผู้นำตัวจริงที่ถึงเวลาออกโรงเสียที

ท่ามกลางความท้าทายของเครือข่ายชินวัตร ที่บรรดาคู่ต่อสู้ทางการเมืองต่างเฝ้าจับตามองว่า หากถึงวันที่ไร้ชื่อทักษิณ ชินวัตร ในสมการการเมืองไทย พรรคเพื่อไทยจะกุมสภาพที่เป็นอยู่ได้อย่างไร แต่ก็ยังไม่ต้องรอให้วันนั้นมาถึง 

วันนี้ก็ได้คำตอบแล้วว่า อุ๊งอิ๊ง ผู้เป็นลูกสาวนายใหญ่ กำลังเฉิดฉาย สปอตไลท์สาดส่องกับบทบาทนายหญิงคนใหม่ และกำลังเข้าไลน์เป็นนายกฯ คนที่31 เข้าไปทุกขณะอย่างปฏิเสธไม่ได้

สัญญาณสำคัญปรากฎให้เห็นผ่านปฏิกิริยาของเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง ที่แสดงออกผ่านสาธารณะ จนถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ทั้งการจูบมืออุ๊งอิ๊ง ที่แม้จะออกชี้แจงอะไรก็ตาม แต่คอการเมืองต่างรู้ดีว่า การบริหารจัดการพรรคเพื่อไทย มีดีเอ็นเอเป็นอย่างไร คำสั่งตรงถูกส่งมาจากใคร 

การที่เสี่ยนิดยกยอปอปั้นว่าอุ๊งอิ๊งเป็นคนเก่ง สามารถเป็นนายกฯต่อได้สบายๆ นั้น ก็เริ่มมีการพูดกันในพรรคแล้วเหมือนกันว่า เศรษฐา อาจได้รับสัญญาณนับถอยหลังมาแล้ว และการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอาจเกิดขึ้นในช่วงกลางปี 67 เรื่องตัวผู้นำประเทศหรือไม่อย่างไร 

ขณะเดียวกัน คนในเพื่อไทยบางส่วนก็มองในมุมที่ต่างออกไป หากรีบเข้าสู่โหมดนับถอยหลังอายุนายกฯ ของเศรษฐา ถอดแล้วเปลี่ยนเอาอุ๊งอิ๊งขึ้นมาเสียบแทน ก็มีปัจจัยแทรกซ้อนที่ต้องคำนึงเช่นเดียวกัน เพราะทฤษฎีตาอยู่ยังคงใช้ได้ตลอดในทางการเมือง ไหนจะมีบางกลุ่มในเพื่อไทยที่ยังไม่สมหวังในเก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐา1 ก็อาจชิงจังหวะสร้างแรงกระเพื่อม ในช่วงเปลี่ยนผ่าน การรีบเปลี่ยนตัวเปลี่ยนเกมอาจมีความเสี่ยงที่ต้องเผชิญอยู่ไม่น้อย

สถานการณ์วันนี้ เศรษฐา ได้แต่ต้องเร่งขันน๊อตรัฐมนตรีทุกคนให้โชว์ผลงานควิกวินให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด และบางทีเกณฑ์วัดผลKPI รัฐมนตรี ที่ขีดเส้นทุก6 เดือน อาจไม่มีความหมายอีกต่อไป

เมื่อจังหวะคู่ขนานอย่างการปรากฎตัวของนายแม่ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่ร้อยวันพันปีแทบไม่ปรากฎตัวออกสื่อ แต่ทันทีที่อุ๊งอิ๊ง ขึ้นหัวหน้าพรรคคุมเพื่อไทย ก็ควงคู่ออกงานในกิจกรรมเดินวิ่งทันที คล้ายต้องการส่งสัญญาณตอกย้ำถึงความเป็นผู้มีอำนาจตัวจริงในเพื่อไทย

บารมีทางการเมืองวันนี้ก็ยังเต็มเปี่ยม บิ๊กเนมในแวดวงการการเมือง ตำรวจ ข้าราชการ ต่างวิ่งเข้าหาด้วยท่าทีนอบน้อมไม่แคร์สื่อ มีทั้งนั่งย่อ คุกเข่าไหว้ หรือกราบตัก การแสดงออกเหล่านี้ ทำให้เห็นว่าพร้อมสวามิภักดิ์ กับศูนย์กลางอำนาจแห่งจันทร์ส่องหล้า 

จนสะเทือนขาเก้าอี้นายกฯ ของเศรษฐาเต็มๆ เพราะรู้ดีว่า แบ็คอัพคนสำคัญที่ทำให้คุณนิด ขึ้นสู่จุดสูงสุดทางการเมืองรวดเร็วขนาดนี้ ไม่ค่อยกินเส้นกับหญิงอ้อเท่าที่ควร 

ระหว่างนี้ ที่เศรษฐา ยังมีอำนาจ ก็อาจได้เห็นการปรับครม. รอบเล็กในช่วงปีใหม่ ที่ค้างคามาตั้งแต่ตอนฟอร์มรัฐบาล ที่ยังว่าง2โควตา คือรายของพิชิต ชื่นบาน ในเก้าอี้รมต.ประจำสำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ไผ่ ลิกค์ สายตรงธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรฯ และเลขาฯพรรคพลังประชารัฐ ในตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ ที่ต้องพิสูจน์ความชัดเจนข้อกฎหมาย ในเรื่องพฤติกรรมในอดีต โดยมีการพูดกันว่า ทางเพื่อไทยขีดเส้น2เดือนจากนี้ต้องจบ

ส่วนความเคลื่อนไหวของพลังประชารัฐ และรวมไทยสร้างชาติ บางกลุ่มในพรรค ก็เตรียมขยับรับอนาคต โดยมีแนวโน้มสูงที่จะไหลไปรวมกันที่เพื่อไทย ในวันที่ประยุทธ์ จันทร์โอชา วางมือจากรวมไทยสร้างชาติ ทำหลายคนเคว้งคว้าง และการขึ้นมาของพัชรวาท วงษ์สุวรรณ มีบทบาทในพลังประชารัฐ ปฏิกิริยาขบเหลี่ยมกับขาใหญ่บางกลุ่มในพรรคก็เริ่มเกิดขึ้นให้เห็น ช่องว่างของความสัมพันธ์ห่างมากขึ้นทุกที จนมีการจับตากลุ่มธรรมนัส ว่าอาจร่วมหอลงโรงกับเพื่อไทย 

เส้นทางอำนาจของอุ๊งอิ๊ง และพรรคอนุรักษนิยมใหม่ เริ่มเห็นร่องรอยของการหลอมรวมกลุ่มต่างๆ ทิศทางน่าจะเทมารวมกันในเวลาที่เหมาะสมต่อไป