‘เพื่อไทย’ยุคใหม่ใต้เงารุ่นเก่า เปิดคอนเนกชัน 23 กก.บห. ทายาท ‘บ้านใหญ่’

เมื่อ 23 ขุนพล อาสามารีแบรนด์ให้ “เพื่อไทย” มาสร้างบ้านหลังใหญ่ให้กลับมาแข็งแกร่ง ทวงแชมป์ในศึกเลือกตั้ง ต้องติดตามว่าจะสามารถ คิดใหม่-ทำใหม่ แล้วได้ผลมาน้อยเพียงใด เพราะภารกิจหลักคือการส่ง “แพทองธาร ชินวัตร” นั่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศไทย
พรรคเพื่อไทยภายใต้การกุมบังเหียนโดย “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกสาวหังแก้วหัวแหวนของ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี วางเป้าหมายกลับมาเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่ง
เนื่องจากก่อนการเลือกตั้ง 14 พ.ค. ที่ผ่านมา “พรรคทักษิณ” ไล่ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และพรรคเพื่อไทย ไม่เคยพ่ายแพ้การเลือกตั้ง แต่ต้องเสียสถิติชนะรวดให้กับ พรรคก้าวไกล ได้ สส. น้อยกว่าเป้า จนต้องเผชิญกับไฟต์บังคับจับมือ “พรรค 2 ลุง” จัดตั้งรัฐบาล
ซึ่งทำให้ “เพื่อไทย” ถูกครหาตระบัดสัตย์ที่เคยประกาศไม่ร่วมกับ “พรรค 2 ลุง” ก่อนวันกาบัตรเลือกตั้ง ส่งผลให้คะแนนนิยมตกต่ำลงไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ทักษิณ-แกนนำเพื่อไทย” รู้ดีว่าหนทางเดียวที่จะทำให้กลับมาได้รับความนิยมคือ “ผลงาน” ของรัฐบาล ที่ต้องทำให้ประชาชนกลับมาอยู่ดีกินดี พลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันการรีแบรนด์พรรคเพื่อไทยเสียใหม่จำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วน เพื่อล้างภาพลักษณ์เก่า สร้างภาพจำเสียใหม่ เตรียมตัวรับศึกเลือกตั้งครั้งหน้า
โดยที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคเพื่อไทยในวันที่ 27 ต.ค. ที่ผ่านมา มีการเลือกกรรมการบริการพรรคชุดใหม่ 23 คน เน้นเลือกคนรุ่นใหม่มาช่วยงานพรรค ชูธงคนรุ่นใหม่แข็งกับพรรคก้าวไกล
ทว่าสาย 23 กก.บห. เพื่อไทย แม้หลายชื่อจะใหม่ แต่สายสัมพันธ์ทางการเมืองถูกส่งต่อมาจากรุ่นปู่ รุ่นพ่อ สู่รุ่นลูก ทำให้นิยาม “คนรุ่นใหม่” ของพรรคเพื่อไทย แตกต่างจากพรรคคู่แข่ง-คู่แค้น
กรุงเทพธุรกิจ รวบรวมคอนเนกชันการเมืองของ กก.บห. พรรคเพื่อไทย เพื่อสะท้อนให้เห็นทิศทางการขับเคลื่อนในอนาคต
เริ่มที่ “แพทองธาร” แม้จะพยายามสร้างฐานอำนาจให้กับตัวเอง แต่ต้องพึ่งพาบารมีของ “ทักษิณ” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควรในการสลัดเงาพ่อ เพื่อสร้างเครือข่าย-ฐานอำนาจขึ้นมาเอง
ทีมรองหัวหน้าพรรค ชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ เป็นคนเดียวใน กก.บห. ชุดใหม่ ที่มีความอาวุโส เนื่องจากต้องมาช่วยดูข้อกฎหมายของพรรค “ชูศักดิ์” เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สมชาย วงศ์สวัสดิ์
ในช่วงจัดตั้งครม. “เศรษฐา 1” มีชื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เพื่อช่วยงานด้านกฎหมายของรัฐบาล แต่โดน “มือมืด” ชิงเก้าอี้ไป แม้ “มือมืด” จะติดปัญหาวิบากกรรมในอดีต ทำให้ไปไม่ถึงฝั่งฝัน แต่ทำให้ “ชูศักดิ์” ชวดเก้าอี้รัฐมนตรี
จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง อยู่ในช่วงพีคทางการเมือง ได้รับมอบหมายให้ขับเคลื่อนนโยบายแจก 10,000 บาท ดิจิทัลวอลเลตของรัฐบาลให้เป็นจริงขึ้นมาได้
โดย “จุลพันธ์” เป็นบุตรชายของ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” รัฐบาลหลายสมัย ทำงานให้กับตระกูลชินวัตรมาอย่างยาวนาน ฐานการเมืองในจังหวัดเชียงใหม่ค่อนข้างเข้มแข็ง เมื่อ “สมพงษ์” ถอยฉากไปอยู่เบื้องหลัง คอยหนุนหลังลูกชาย
ท่ามกลางกระแสสีส้มฟีเว่อร์ในจังหวัดเชียงใหม่ “สมพงษ์” สามารถพาลูกทีมฝ่ากระแสมาได้ ด้วยการบริหารจัดการหลังบ้านอย่างมีระบบ เช่นเดียวกับเขต 5 เชียงใหม่ “จุลพันธ์” เข้าวินมาได้ด้วยฝีมือของ “สมพงษ์”
พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษา รมว.คมนาคม หลานชายของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม แม้จะปรากฎตัวมาตั้งแต่ยุคพรรคพลังประชารัฐ แต่ “พงศ์กวิน” ยังไม่มีความโดดเด่นมากพอ แม้ “สุริยะ” จะพยายามปั้นให้เป็นตัวตายตัวแทนในวงการการเมืองก็ตาม
ที่สำคัญยังคนในตระกูล “จึงรุ่งเรืองกิจ” มักนำ “พงศ์กวิน” ไปเปรียบเทียบกับ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” จนเจ้าตัวพยายามพิสูจน์ตัวเอง เมื่อเข้ามามีบทบาทในพรรคเพื่อไทย ก็ต้องจับตาว่า “พงศ์กวิน” จะทำได้ตามที่ “สุริยะ” คาดหวังหรือไม่
น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด สส. 2 สมัย แต่บทบาทภายในพรรคเพื่อไทยโดดเด่นพอตัว โดยเฉพาะการอภิปรายในสภา ฟาด “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี จนสามารถสร้างชื่อให้ตัวเอง
“จิราพร” เป็นลูกสาวของ “นิสิต สินธุไพร” อดีต สส.ร้อยเอ็ด อดีตแกนนำคนเสื้อแดง ซึ่งมีฐานเสียงฝังตัวอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดจำนวนมาก และสามารถเรียกระดมพลได้ตลอดเวลา
โอชิษฐ์ เกียรติก้องชูชัย สส.ชัยภูมิ ลูกชายของ “บรรยงค์ เกียรติก้องชูชัย” เศรษฐีพันล้านแห่งชัยภูมิ โดยมีฐานเสียงระดับท้องถิ่นของจังหวัดชัยภูมิค่อนข้างเหนียวแน่น “โอชิษฐ์” เคยสังกัดพรรคภูมิใจไทย ก่อนย้ายมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย
เผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการ รมว.คลัง เป็นเด็กในสังกัดของ “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รมว.พาณิชย์
ทีมเลขาธิการพรรค นำทัพโดย “เสี่ยบอย” สรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว ทายาทของเสนาะ เทียนทอง มือปั้นนายกรัฐมนตรี “สรวงศ์” พ่ายแพ้การเลือกตั้งปี 2562 หลังเจอ “ทีมพลังป้อม” กดดันอย่างหนัก
แต่การเลือกตั้ง 14 พ.ค. “สรวงศ์” สามารถคว้าชัยชนะกลับมาได้ และด้วยความเป็นรุ่นกลางเก่ากลางใหม่ จึงได้รับการทาบทามจาก “แพทองธาร” ให้มาเป็นเลขาฯข้างกาย หวังนำพรรคเพื่อไทยกลับมายิ่งใหญ่
ศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส. เลย เป็นลูกชายของ ธนเทพ-นันทนา ทิมสุวรรณ อดีต สส.เลย บ้านใหญ่วังสะพุง เมืองเลย
น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส. บัญชีรายชื่อ ไม่มีสายอย่างชัดเจน แต่มักปรากฏตัวในวงสำคัญ พาตัวเข้าไปอยู่ในซีนการเมืองของทุกกลุ่ม-ทุกก๊วน
ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ เครือญาติสายชินวัตร และทันตแพทย์ รพ.พระรามเก้า เพิ่งได้เป็น สส.บัญชีรายชื่อ หลังจาก สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ทิ้งเก้าอี้ สส. ไปรับตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ
ทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เหรัญญิกพรรค ที่ปรึกษา รมช.คมนาคม (มนพร เจริญศรี) เป็นน้องชาย “สุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์” อดีต สส.เพชรบูรณ์ บ้านใหญ่หนองไผ่ เพชรบูรณ์ ที่แยกตัวออกจาก สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.สาธารณสุข
ณณัฏฐ์ หงษ์ชูเวช นายทะเบียนพรรค ลูกชาย สาโรจน์ หงษ์ชูเวช อดีต ผอ.พรรคเพื่อไทย สายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า และเป็นคนที่ “ทักษิณ-ตระกูลชินวัตร” เคยไว้วางใจให้เป็นคุมปัจจัยยังชีพ
ดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรค เด็กในสังกัด “เจ๊แจ๋น” พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยอยู่ในทีมหาเสียง กทม. มาด้วยกัน แม้จะได้ สส. พลาดเป้าไปมาก แต่ยังได้รับการปูนบำเหน็จ
กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เริ่มที่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม. ตัวแทนบ้านใหญ่คลองสามวาตะวันออก ถือเป็นหนึ่งเดียวจาก ทีม กทม. ที่สามารถฝ่ากระแสสีส้มนั่งเก้าอี้ สส. ได้
พชร จันทรรวงทอง สส.นครราชสีมา ลูกชาย “ประเสริฐ จันทรรวงทอง” อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลูกชาย “เกษม รุ่งธนเกียรติ” อดีต สส.สุรินทร์ และสมาชิกกลุ่ม 16
วรวงศ์ วรปัญญา สส.ลพบุรี หลานชาย นิยม วรปัญญา อดีต สส.ลพบุรี บ้านใหญ่ลำนารายณ์ เมืองลพบุรี
นิกร โสมกลาง สส.นครราชสีมา ลูกเขยเสี่ยแป้งมัน วีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีต รมช.คมนาคม และยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา
จเด็ศ จันทรา สอบตกสนามเลือกตั้ง สส.พิษณุโลก เข้ามาในฐานะตัวแทนสาขาพรรค
พลนชชา จักรเพ็ชร เลขาส่วนตัวของ “ภูมิธรรม” ส่งเข้ามาให้มีบทบาทภายในพรรค
สรัสนันท์ อรรณนพพร สส.ขอนแก่น ลูกสาว พงศกร อรรณนพพร กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี บ้านใหญ่หนองสองห้อง เมืองขอนแก่น
ทั้งหมดนี้คือโฉมหน้าของ “ผู้บริหารพรรคเพื่อไทย” ในสถานการณ์การเมืองที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แม้จะชู “คนรุ่นใหม่” แต่เกือบทั้งหมดอยู่ภายใต้เงาของ “คนรุ่นเก่า” เพราะต้องใช้เครือข่าย-ฐานคะแนน “บ้านใหญ่” ในหลายพื้นที่
เมื่อ 23 ขุนพล อาสามารีแบรนด์ให้ “เพื่อไทย” มาสร้างบ้านหลังใหญ่ให้กลับมาแข็งแกร่ง ทวงแชมป์ในศึกเลือกตั้ง ต้องติดตามว่าจะสามารถ คิดใหม่-ทำใหม่ แล้วได้ผลมาน้อยเพียงใด เพราะภารกิจหลักคือการส่ง “แพทองธาร ชินวัตร” นั่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศไทย







