สุทิน พบเครื่องบิน ทอ. จ่อปลดประจำการเพียบ ไม่เปิดโอกาสอ้างสงครามช้อปอาวุธ

สุทิน พบเครื่องบิน ทอ. จ่อปลดประจำการเพียบ ไม่เปิดโอกาสอ้างสงครามช้อปอาวุธ

"สุทิน" เยี่ยม ทอ. พบปัญหาเครื่องบิน เตรียมปลดประจำการเพียบ ยัน ให้ซื้อเท่าที่จำเป็น เน้นซ่อมบำรุง ไม่ฉวยโอกาสอ้าง "สงคราม" เปิดทางซื้ออาวุธ ยัน การเมืองมีสิทธิ์สอบถาม ไม่มองว่าล้วงลูก

วันที่ 25 ตุลาคม 2566 เวลา 15.00 น. กองบัญชาการกองทัพอากาศ  นายสุทิน  คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการปฏิบัติงานให้แก่กองทัพอากาศ โดยมี พลอากาศเอก พันธ์ภักดี  พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้การต้อนรับ


โดยนายสุทิน เข้ารับการเคารพจากแถวกองทหารเกียรติยศ และวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์กองทัพอากาศ การวางพานพุ่มถวายสักการะพระอนุสาวรีย์ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ 

พร้อมรับมอบเครื่องหมายความสามารถในการบินชั้นกิตติมศักดิ์ และรับฟังการบรรยายสรุป ก่อนกล่าวชื่นชมศักยภาพ ประสิทธิภาพ และความพร้อมของกองทัพอากาศ ในการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศ การรักษาอธิปไตยน่านฟ้าไทยและผลประโยชน์ของชาติ รวมทั้งสนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติ

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากองทัพอากาศสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยความทุ่มเท เข้มแข็ง เสียสละ มีความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนในด้านต่าง ๆ อาทิ ด้านการพิทักษ์ ปกป้อง เทิดทูนสถาบัน ซึ่งถือเป็นภารกิจหลักที่กองทัพอากาศได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง  การป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์แห่งชาติ ช่วยเหลือประชาชนประสบอุทกภัย

จากนั้น นายสุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า การมาตรวจเยี่ยมกองทัพอากาศในวันนี้ ซึ่งเป็นกองทัพสุดท้าย หลังจากนี้ก็จะลงไปตรวจเยี่ยมในระดับล่างลงไปก็ให้นโยบายว่าไม่ต้องจัดพิธีต้อนรับ หรือจะขบวนตรวจแถวเหมือนระดับสูงของเหล่าทัพให้ไปแบบปกติธรรมดา

ซึ่งการตรวจเยี่ยมกองทัพอากาศได้รับการตอบรับที่ดีและได้พบปัญหา พอสมควร เรื่องการปฏิบัติตามนโยบาย ได้สนองตอบนโยบายเป็นอย่างดี แต่ปัญหาที่พบก็คืออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพอยู่ในช่วงเวลาที่กำลังจะปลดประจำการจำนวนมาก เป็นความไม่สบายใจของคนที่รับผิดชอบนโยบายว่า ในห้วงเวลาต่อไปนี้ อาจจะต้องมีการวางแผนวางยุทธศาสตร์ แก้ปัญหาอาวุธยุทโธปกรณ์ ที่กำลังจะปลดประจำการอย่างไร ก็หนีไม่พ้นที่จะจัดหา ก็จะเป็นภาระงบประมาณต่อไป

ส่วนปัญหาอื่น กองทัพอากาศกำลังปรับตัวที่จะใช้เทคโนโลยี การรบสมัยใหม่ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งเรื่องของกองทัพไซเบอร์การนำไซเบอร์เข้ามาใช้ เป็นเรื่องที่พยายามเร่งรัด

ส่วนการซ่อมบำรุงอากาศยาน เราก็ไม่ขัดข้องอยู่แล้ว อย่างเรื่องซี130 ตนก็ของงบมาก็ผ่านและเสนอครม.เข้าสภาให้พิจารณา เพราะหลายเรื่องมีความจำเป็น เครื่องซี130 เจอปัญหาพบว่าใช้ได้ประมาณ 8 ลำจาก 12 ลำ ส่วนจะซื้อใหม่หรือไม่นั้น ประเทศยังไม่พร้อมก็ใช้วิธีการซ่อมบำรุง ก็ยินดีสนับสนุน จะมีปัญหาบางรายการในปีถัดไปซ่อมบำรุงไม่ได้ อันนี้คือข้อน่าห่วง ซึ่งตนจะสนับสนุนในการจัดหาเครื่องบินใหม่เท่าที่จำเป็น 

ส่วนการปลดประจำการ เครื่องบินขับไล่ F16 นั้น นายสุทิน ระบุว่า ตนเป็นแฟนคลับ F- 16 และเป็นเขี้ยวเล็บที่สำคัญ เมื่อมาทราบว่าจะปลดประจำการก็ใจหาย ก็จะหนีไม่พ้น ต้องซื้อ และจะอธิบายสังคมให้เข้าใจ ซึ่งตนภูมิใจกับ F-16 เป็นเครื่องบินที่ร้ายกาจ  แต่ไม่รู้จะกล้านั่งหรือไม่ 

เมื่อถามว่า ในสมัยยุคนายกทักษิณชินวัตร เคยมีแนวคิดจะซื้ออาวุธจากประเทศตะวันออก เช่น รัสเซีย  จีน นายสุทิน กล่าวว่า ยังไม่เฉพาะเจาะจงว่าจะเอายี่ห้อไหน ประเทศอะไรเพียงแต่มาทราบข้อเท็จจริงว่า ถึงเวลาที่จะต้องจัดหา ส่วนจะเป็นประเทศไหนอย่างไรให้เป็นขั้นตอนภายภาคหน้าค่อยว่ากัน ซึ่งก็คงต้องฟังคนใช้งาน 

นายสุทิน ยังระบุอีกว่า ไม่มองว่าฝ่ายการเมืองจะเข้ามาล้วงลูกการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพ แต่เขาก็อยากจะรู้ บางเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ ก็มีความชอบธรรมที่จะต้องเข้ามาถาม หากเราอธิบายไม่ดี ก็ถือเป็นความชอบธรรมที่เขาจะไม่สนับสนุน เพราะฉะนั้นเราจะต้องอธิบายให้ดี ตนไม่หนักใจเพราะความจำเป็นเห็นอยู่แล้ว หลายอย่างเป็นตัวเลขก็พูดไปตามนั้น ตนไม่ถือว่าการเมืองมาแทรกแซงเป็นสิทธิ์ที่เขาจะเข้ามาถาม คอมเมนต์ เราแต่เราก็จะต้องใช้สิทธิ์ในการอธิบายให้ดี


เมื่อถามว่าปัจจุบันเกิดสงคราม มองว่า อาวุธยุทโธปกรณ์ยังจำเป็น และต้องเพิ่มขีดความสามารถหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ไม่อยากพูดเอง ก็เหมือนกับว่าหยิบยกสถานการณ์เปิดทางให้กองทัพ ต้องจัดซื้อโน้น ซื้อนี่ สถานการณ์ของโลกวันนี้ เราพอดูออกว่าเป็นสถานการณ์ที่เราจะต้องทำอย่างไร ประเทศ กองทัพ ต้องทำอย่างไร แน่นอนไม่ใช่เวลาที่เราจะ มาวางเฉยหรือเข้าเกียร์ว่าง หรือเหมือนที่เคยทำในอดีต