จับตา 'วุฒิสภา' พิจารณาข้อเสนอปรองดอง ชง 'รัฐบาล' ปฏิรูป-คุมสื่อ

จับตา 'วุฒิสภา' พิจารณาข้อเสนอปรองดอง ชง 'รัฐบาล' ปฏิรูป-คุมสื่อ

กมธ.ทหาร เสนอรายงานสร้างความปรองดอง ต่อที่ประชุมวุฒิสภา 24 ต.ค.นี้ พบข้อเสนอให้ดันเป็นวาระแห่งชาติ ชี้ต้นตอเกิดจาก คน-ค่านิยม-สื่อ พร้อมเสนอให้ปฏิรูป-ออกกฎควบคุมสื่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมวุฒิสภา ซึ่งนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา นัดประชุมวันที่ 24 ต.ค. มีวาระพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการพิจารณาแล้วเสร็จ คือ รายงานการศึกษา เรื่อง แนวทางการสร้างความรักความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารและความมั่นคงของรัฐ ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ สว. เป็นประธานกมธ. พิจารณาแล้วเสร็จ

โดยสาระสำคัญของรายงานดังกล่าว มีข้อเสนอ ให้รัฐบาลกำหนดทิศทางการสร้างความปรองดอง ผ่านการตั้งสถาบันบริหารจัดกาความขัดแย้งและเสริมสร้างความสามัคคีปรองดอง ให้เป็นกลไกโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสันติภาพ เพื่อบริหารจัดการความขัดแย้งแห่งชาติรวมถึงหาทางออกร่วมกันระหว่างคู่ขัดแย้ง พร้อมกับเสนอให้รัฐบาลขับเคลื่อนแผนแม่บทด้านประเด็นความมั่นคงให้เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล  รวมถึงปฏิรูปหลักสูตรสังคมศึกษา ให้ความสำคัญกับวิชาหน้าที่พลเมือง และสร้างความตระหนักรู้ให้คนในสังคมต่อความสามัคคีปรองดอง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่ารายงานฉบับดังกล่าวได้สรุปสาเหตุของปัญหาขัดแย้ง เกิดจากคน ทั้งในประเด็นค่านิยม ความเชื่อ ความรู้สึก อคติ รวมถึงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ที่ขาดคุณภาพ แต่มีอิทธิพลชักจูงมวลชนสูง นอกจากนั้นยังพบว่ามีพฤติกรรมการใช้ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล ขาดจิตสำนึกต่อส่วนรวม นอกจากนั้นยังเสนอแนวทางจัดการความขัดแย้งในประเทศไทย คือ ใช้นวัตกรรมจัดการกับความขัดแย้ง คือ ทำความจริงให้ปรากฎ ความยุติธรรม สันติภาพ และความเมตตา

“ส่งเสริมกระบวนการจัดการความขัดแย้งเชิงสร้างสรรค์ คือให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ส่งเสริมสร้างสื่อสร้างสรรค์ รวมถึงสร้างกระบวนการพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ปลูกฝังจิตสาธารณะ ขณะที่การจัดการความขัดแย้งด้านความยุติธรรมและสื่อนั้น เสนอให้ปฏิรูปสื่อและออกมาตรการควบคุมสื่อให้ครบคลุมและทั่วถึง” รายงานของกมธ.การทหาร วุฒิสภา ระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับรายงานฉบับดังกล่าว ตามขั้นตอนคือ เสนอต่อที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อให้พิจารณา ก่อนส่งต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือ รัฐบาล เพื่อให้รับไปพิจารณาหรือปฏิบัติต่อไป.