จับตาไข่ในหิน 'ชินวัตร' แต่งตัวชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

จับตาไข่ในหิน 'ชินวัตร' แต่งตัวชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

สัญญาณตอบรับของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย บุตรสาวคนเล็ก นายทักษิณ ชินวัตร พร้อมนั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่

ทำให้ การประชุมวิสามัญพรรคเพื่อไทย (พท.) เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) ชุดใหม่ รวมถึง “หัวหน้าพรรคคนใหม่” ในวันที่ 27 ต.ค.นี้ แทบไม่มีอะไร “เซอร์ไพรส์” เพราะถึงอย่างไร “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ก็น่าจะแบเบอร์ไร้คู่แข่งอยู่แล้ว

เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า “จุดขาย” ของพรรคเพื่อไทย ที่ยืนหยัดมาตั้งแต่ พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาถึงพรรคเพื่อไทย ล้วนมี พระยี่ห้อ “ทักษิณ” และเงาของ “ทักษิณ” เป็นภาพลักษณ์ของความสำเร็จ

จึงไม่ว่า จะเอาใครขึ้นเป็น “หัวหน้าพรรค” ไม่ว่าจะตัวจริง หรือ ตัวแทน ล้วนถูกมองว่า“ทักษิณ” ไฟเขียว และอยู่เบื้องหลัง ทั้งสิ้น 

เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2566 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ฮอลล์ 4 “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธารให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมวิสามัญพรรคเพื่อไทย เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหาร ชุดใหม่ พร้อมหรือไม่ โดย น.ส.แพทองธาร พยักหน้า ก่อนตอบว่า “ค่ะ”

เมื่อถามย้ำว่า หากมีการเสนอชื่อ น.ส.แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรค พร้อมรับตำแหน่งเลยใช่หรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า “พร้อมค่ะ”

แค่นี้ก็ชัดเจนพอแล้ว ว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นั่นเอง

ความจริง ก็ไม่เหนือความคาดหมาย และมีสัญญาณมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2566 “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ให้สัมภาษณ์ที่พรรคเพื่อไทยถึงความพร้อมในการเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ หากได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ว่า

ตอนนี้ยังไม่ได้สรุปกัน แต่ถามว่าพร้อมหรือไม่ จริง ๆ แล้วตนอยู่ที่นี่ทำเพื่อพรรค ทุ่มเทเต็มที่ ตามที่ได้รับมอบหมาย

“อย่างที่บอก วันนี้วันเกิดพรรค พอพูดว่า 16 ปี ก็มีภาพกลับมาหมด ดังนั้น ความรักความผูกพัน พร้อมทำให้พรรคเต็มที่แน่นอน ด้วยการจะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม จะเป็นหัวหน้าพรรคหรือไม่เป็น ก็เต็มที่กับพรรคเพื่อไทย” น.ส.แพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่า ถ้ามีเสียงเชียร์ให้เป็นหัวหน้าพรรค จะยอมเป็นหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า พร้อมทำเพื่อพรรคอยู่แล้ว ไม่ว่ามีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม เสียงเชียร์ เสียงสนับสนุน เป็นกำลังใจให้แน่นอน แต่ไทมิ่งทุกอย่าง อยากให้การเข้ามาไม่ว่าวันไหนเกิดผลดีกับคนในพรรค กับ ส.ส.มากที่สุด ถ้ามีคนที่เหมาะสมกว่าจะนำพรรคได้ดีกว่าตนยอม แต่ถ้าคิดว่า ตนดีที่สุด ก็ยอมเช่นกัน

ที่สำคัญเหนือสิ่งใด แสดงว่า คนตระกูลชินวัตร ก็พร้อมแล้วเช่นกัน ที่จะผลักดัน “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร อย่างเต็มที่

 

เพราะ “ทักษิณ” เคยพูดในแคร์คลับเฮาส์ ช่วง “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของเพื่อไทย ว่า  ลูกสาวต้องชนะใจคุณแม่-พจมาน(ดามาพงศ์) ให้ได้เสียก่อน

หรือแม้แต่ ช่วงที่มีกระแสข่าวว่า “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี (7 มิ.ย. 2566)

คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ได้นัดรับประทานอาหารกับคนในครอบครัว ประกอบด้วยน.ส.พินทองทา คุณากรวงศ์ พร้อม สามี น.ส.แพทองธาร “อิ๊งค์” แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ร่วมประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาลที่พรรคเพื่อไทย ในช่วงเช้า โดยคนในครอบชินวัตร ได้พูดคุยและไม่เห็นด้วยที่จะให้ “อุ๊งอิ๊ง” เป็น นายกฯ ในขณะนี้ เนื่องจากยังไม่พร้อม อยากให้รออีก 5 ปี และไม่ใช่เรื่องง่ายกับสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน เพราะอายุแค่เพียง 37 ปี อีกทั้งยังมีแคนดิเดตนายกฯ คนอื่นที่เหมาะสมกว่า เช่น นายเศรษฐา ทวีสิน ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องทางเศรษฐกิจ และก็อยากให้เศรษฐกิจของประเทศกระเตื้องขึ้นด้วย

รวมทั้ง ย้อนไปเมื่อ “อุ๊งอิ๊ง” ตัดสินใจเข้าสู่การเมือง ในฐานะ “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” คุณหญิงอ้อ(พจมาน) พูดว่า “ลูกก็มาบอกว่า มีความตั้งใจ พอเห็นความตั้งใจของลูกเลยแล้วแต่ลูก เพราะลูกโตแล้ว เราต้องเคารพในการตัดสินใจและไม่อยากให้ลูกกดดัน ก็คอยสนับสนุนให้กำลังใจเขาห่างๆ”

ทั้งยังมีการเปิดเผยว่า “คุณหญิงอ้อ” อนุญาตให้ลูกสาวเล่นการเมืองก็จริง แต่ก็ไม่ปล่อยให้เผชิญชะตาการเมือง ตามลำพัง ยังเข้ามาเคลียร์พื้นที่ในพรรคเพื่อไทย ปูทางให้ลูกสาวเข้าสู่พรรคอย่างราบรื่นอีกด้วย

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน “คณะกรรมการบริหารชุดใหม่” พรรคเพื่อไทย ภายใต้การกุมบังเหียนของ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร อาจทำให้เห็นโฉมหน้าการจัดเตรียมเกมรุกอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อ “อุ๊งอิ๊ง” จะได้ไม่ต้องเหนื่อยหนัก หรือ ชนกับกระแสเชี่ยวทางการเมืองจนบอบช้ำก่อนที่จะรับงานใหญ่  

พูดง่ายๆ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร จะกลายเป็น “ไข่ในหิน” ของพรรคเพื่อไทย เพื่อรอโอกาสที่จะเป็น “คู่ชิง” นายกรัฐมนตรี คนต่อไป อย่างไม่ต้องสงสัยนั่นเอง

 

สำหรับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร เท่าที่ฟังจาก “ทักษิณ” พูดถึง บุคลิกของลูกแต่ละคนว่า“โอ๊ค” ตอนเด็กๆ ชอบเลี้ยงสัตว์ เวลาให้ไปเรียนหนังสือเหมือนไล่ไปตายเลย ไม่ชอบเลย พอเลี้ยงสัตว์ อ่านหนังสือแต่ละเรื่องจริงจังมาก “เอม” นั้น สไตล์พ่อ ชอบซื้อเครื่องเขียน ตำรา ชอบวิชาการ ส่วน “อิ๊งค์” หน้าพ่อจริง แต่นิสัยแม่ เป็นคนที่นิ่ง เด็ดขาด ดุเหมือนแม่ แรงมาก็แรงไป”

ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้ อาจได้เห็น “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร กับบทบาทใหม่ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ถือว่าเป็น “ผู้นำรุ่นใหม่” ในสังคมการเมืองไทยอีกคน

 

ประวัติส่วนตัว อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร

ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่น่าทำความรู้จัก มากกว่า “ลูกสาวคนเล็ก” ใน “ตระกูลชินวัตร” ที่ผันตัวมาทำงานการเมืองตามรอย “พ่อ” ทักษิณ ชินวัตร ก็คือ ประวัติส่วนตัวนั่นเอง

“อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ตำแหน่งทางการเมืองปัจจุบัน  เป็นรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม

สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมฯ จากโรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์ และโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ปริญญาตรีรัฐศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551 และศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ สาขาวิชา Msc International Hotel Management ที่มหาวิทยาลัยเซอร์เรย์

เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และกรรมการมูลนิธิไทยคม นอกจากนี้ยังเป็นผู้ถือหุ้นกิจการอื่นๆ เช่น โรงแรมโรสวู๊ด กรุงเทพ,เทมส์วัลลีย์ เขาใหญ่ และเดอะ ซิสเตอส์ เนลส์ แอนด์ มอร์ เป็นต้น ในพ.ศ. 2565 ถือหุ้นรวมทั้งหมด 21 บริษัท มูลค่าประมาณ 68,000 ล้านบาท

ชีวิตครอบครัว สมรสกับ นายปิฎก สุขสวัสดิ์ มีบุตรสาว 1 คน คือ ธิธาร สุขสวัสดิ์ เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2564 และมีบุตรชาย 1 คน คือ พฤจ์ธาษิณ สุขสวัสดิ์ ซึ่งเกิดวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 ก่อนการเลือกตั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา

บนเส้นทางการเมือง การประชุมของพรรคเพื่อไทยเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2565 “อุ๊งอิ๊ง” ได้รับตำแหน่ง “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย”

ในช่วงปลายเดือนธันวาคม พ.ศ.2565 ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทางพรรคได้มอบหมายให้ ส.ส. และผู้สมัคร ส.ส. นำนโยบายที่พรรคได้ประกาศเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ปีเดียวกัน มาขึ้นป้ายหาเสียงชุดแรกก่อนการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปีถัดไป จำนวน 8 รูปแบบ โดยทุกป้ายในชุดดังกล่าวจะมีภาพ “อุ๊งอิ๊ง” ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยอยู่ทางมุมขวาล่างของป้ายขนาดปกติ หรือด้านล่างในกรณีป้ายขนาดที่ความกว้างลดลงมาจากป้ายขนาดปกติ

ในเดือนมกราคม พ.ศ.2566 “อุ๊งอิ๊ง” กล่าวว่า พร้อมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งระบุพร้อมจะจับมือกับทุกพรรคหากมีความคิดเรื่องนโยบายตรงกัน, เห็นพ้องในความเป็นประชาธิปไตย และเคารพเสียงของประชาชน แต่ปฏิเสธว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แต่อย่างใด ซึ่งช่วงนั้น มีกระแสข่าวว่า “ทักษิณ” มี “ดีลลับ” กับ พล.อ.ประวิตร ในการจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล  

ต่อมา ปลายเดือนกุมภาพันธ์ พรรคเพื่อไทยแต่งตั้งนาย เศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยมีหน้าที่ให้คำปรึกษาหรือดำเนินการตามที่ “อุ๊งอิ๊ง” มอบหมาย

ในเดือนมีนาคมปีเดียวกัน “อุ๊งอิ๊ง” ให้สัมภาษณ์กับเดอะสแตนดาร์ด ระบุหากพรรคพลังประชารัฐมีจุดยืนไม่เอารัฐประหารเช่นเดียวกับพรรคเพื่อไทย ก็พร้อมจะพูดคุย แต่ไม่ได้ยืนยันว่าจะรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลกับ พปชร. หรือไม่ และเดือนถัดมาพรรคเพื่อไทยเสนอ “อุ๊งอิ๊ง” เป็น 1ใน 3 รายชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พร้อมกับ“เศรษฐา” และชัยเกษม นิติสิริ

หลังการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส. เป็นอันดับ 2 รองจากพรรคก้าวไกล “อุ๊งอิ๊ง” กล่าวว่า ตนมีความผิดหวังที่พรรคไม่ได้อันดับ 1 ตามแผน แต่ก็พร้อมทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกล รวมถึงพรรคอื่น ๆ ที่จะจับขั้วร่วมกับทั้งสองพรรคดังกล่าว กระทั่งมีการพลิกขั้วจัดตั้งรัฐบาล และในที่สุด รัฐสภา ก็โหวตลงมติรับรองให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี

วันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ในการประชุมนัดแรกของคณะรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสินนายกรัฐมนตรี ได้มีข้อสั่งการให้แต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ โดย “เศรษฐา” เป็นประธาน และมี “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร เป็นรองประธาน

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม “เศรษฐา” แต่งตั้ง “อุ๊งอิ๊ง” เป็นกรรมการในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 อีกตำแหน่งหนึ่ง

เห็นได้ชัดว่า เส้นทางการเมืองอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร นับวันมีบทบาทและความรับผิดชอบในระดับสูงขึ้นเป็นลำดับ ส่วนหนึ่งอาจมาจาก “ชั่วโมงบิน” ทางการเมืองที่ยังน้อย จึงต้องเร่งเรียนรู้งานการเมือง เพื่อไม่ให้ “ตกม้าตาย” หากมีโอกาสได้เป็น “นายกรัฐมนตรี” นั่นเอง

อีกส่วนเป็นไปได้ ที่ ตระกูลชินวัตร รัฐบาลเศรษฐา และพรรคเพื่อไทย ต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้กับ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ในบทบาทที่มีความรับผิดชอบสูงขึ้น ยิ่งถ้ามีความสำเร็จติดปลายนวมได้ยิ่งดี  

เพราะอย่าลืม “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ยังต้องพิสูจน์ตัวเอง ว่า มีความรู้ความสามารถจริง มีความเป็น “ผู้นำ” สามารถ “บริหารประเทศ” ได้ ไม่ใช่ เพราะ “ทักษิณ” สนับสนุนและผลักดันขึ้นมาอย่างเดียว แม้ว่ายากจะสลัดคราบดังกล่าวได้  

ยิ่งในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่เต็มไปด้วยกลุ่มก๊วน เสือสิงห์กระทิงแรด และมีประสบการณ์ทางการเมืองสูงกันทั้งนั้น ยิ่งท้าทายต่อการบริหาร “ผลประโยชน์” ทางการเมือง ซึ่งถ้าพิสูจน์ตัวเองได้ตลอดรอดฝั่ง หรือ ทำได้ดี อนาคตผู้นำประเทศ ก็เหลือแค่ “ประชาชน” จะไว้วางใจหรือไม่เท่านั้น

เหนืออื่นใด ท่ามกลางพรรคเพื่อไทย เดินเกมรุกทางการเมือง และการบริหารประเทศทำทุกอย่างเพื่อเรียกคะแนนนิยมกลับมา แต่ฝ่ายที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองอย่าง พรรคก้าวไกล กลับอื้อฉาวไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะพฤติกรรมที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ อย่างส.ส.คุกคามทางเพศ สมาชิกพรรคถูกกล่าวหาทำร้ายผู้หญิง เป็นต้น

ขณะที่ “ส่วนหัว” ก็ยังไม่รู้ว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค จะถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอย่างไร ขาดคุณสมบัติส.ส.หรือไม่ จากคดีถือหุ้นสื่อ จึงไม่แน่ว่าจะได้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรค อย่างที่ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคคนใหม่ ยืนยันพร้อมคืนตำแหน่งให้ หากศาลฯวินิจฉัย “ไม่ขาดคุณสมบัติ” หรือไม่ เพราะถ้าไม่ใช่“พิธา” แต่เป็นคนอื่น ที่ ชิง “นายกรัฐมนตรี” กับ “อุ๊งอิ๊ง” โอกาสที่กระแสจะตอบรับ “อุ๊งอิ๊ง” ก็เป็นไปได้สูง

ประเด็น จึงอยู่ที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร จะฉกฉวยโอกาสที่ตกมาถึงมือ ทั้งตำแหน่งหัวหน้าพรรค (ที่คาดว่าจะได้รับ) และบทบาทในตำแหน่งสำคัญของรัฐบาลเศรษฐา สร้างผลงานอันโดดเด่นได้หรือไม่ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง

ขณะที่ “พรรคก้าวไกล” คู่แข่งสำคัญ จะสลัดภาพลักษณ์พรรคอื้อฉาว จนกลับมาครองใจประชาชนเหมือนเดิมได้อย่างไร 

คือ “โจทย์ใหญ่” ที่ต่างต้องต่อสู้กับตัวเอง โดยมี “ประชาชาชน” เป็นกรรมการอยู่ขอบสนาม และมีอำนาจตัดสินในการเลือกตั้งครั้งหน้านั่นเอง