กราวนด์วอร์-แอร์วอร์ พท. สกัดแนวต้าน แจก'หมื่นดิจิทัล'

กราวนด์วอร์-แอร์วอร์ พท.  สกัดแนวต้าน แจก'หมื่นดิจิทัล'

ความเคลื่อนไหวทั้งกราวนด์วอร์ แอร์วอร์ “ขุนพลเพื่อไทย” มีข้อมูลอยู่ในมือทั้งหมด จึงได้เห็นการเคลื่อนไหวของ “รัฐมนตรี-สส.” ออกมาอธิบายข้อดีเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ พยายามทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสกัดกระแสต่อต้านโครงการนี้

พลันที่ปรากฎเอกสาร “นักวิชาการ-นักเศรษฐศาสตร์” กว่า 100 คน ลงชื่อคัดค้านนโยบายแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทให้กับประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคน ได้เกิดแรงสั่นสะเทือนกลางทำเนียบรัฐบาลทันที

“ขุนพลเพื่อไทย” อ่านสัญญาณออกว่า จะเป็นจุดเริ่มต้นของเสียงค้านแจกเงินดิจิทัลที่อาจลุกลามขยายวงกว้างมากขึ้น เนื่องจาก “นักวิชาการ-นักเศรษฐศาสตร์” ที่ร่วมลงชื่อมีเครดิต-มีต้นทุนทางสังคมค่อนข้างสูง

เช่นเดียวกับ เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และรมว.คลัง แสดงความหนักใจ ไม่สบายใจกับท่าทีดังกล่าว ถึงกับเปรยในวงสนทนาหลายวง เพราะเกรงว่าจะเป็นไฟลามทุ่ง ปลุกให้ประชาชนออกมาต่อต้านนโยบาย ไม่ขอรับเงินหมื่นดิจิทัล โดยเฉพาะชนชั้นกลาง

ประเด็นที่นักวิชาการ และนักเศรษฐศาสตร์ ให้เหตุผลที่รัฐบาลเพื่อไทยไม่ควรเดินหน้า  

1. เศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะฟื้นตัว สำนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัว 2.8% ในปีนี้ และ 3.5% ในปี 2567 จึงไม่จำเป็นที่รัฐต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ

2.งบประมาณของรัฐที่มีจำกัด ย่อมมีค่าเสียโอกาสเสมอ โดยเงินมากถึง 560,000 ล้านบาท ทำให้รัฐเสียโอกาสที่จะลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน 

3.การกระตุ้นเศรษฐกิจให้รายได้ประชาชาติ (จีดีพี) ขยายตัว โดยรัฐแจกเงิน 560,000 ล้านบาทเข้าไปในระบบเป็นการคาดหวังที่เกินจริง สุดท้ายประชาชนจะต้องจ่ายคืนในรูปแบบการจ่ายภาษีเพิ่มขึ้น ราคาสินค้าแพงขึ้น

ขณะเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวของ “สว.” ออกมาเสนอให้รัฐบาลทบทวนนโยบาย เพราะมองแล้วได้ไม่คุ้มเสีย และอาจจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจในระยะยาว ที่สำคัญยังผลิตวาทกรรม “ยื่นน้ำผึ้งอาบยาพิษให้ประชาชน” ชำแหละผลเสียจนส่งผลต่อความเชื่อมั่น

“ถวิล เปลี่ยนศรี” สว. ระบุว่า “หากสิ่งใดเป็นพิษ ต้องไม่ตามใจประชาชน นายกฯ เหมือนหมอที่รักษาไข้ราษฎร หมอให้ยาพิษเคลือบน้ำผึ้งกับคนไข้ไม่ได้ ประชาชนย่อมไม่รู้ถึงพิษที่เกิดขึ้นจากนโยบายนี้ ยังมีเวลาจะทบทวน ผมหวังนายกฯ จะรับฟังเสียงท้วงติง”

“เฉลิมชัย เฟื่องคอน” สว. ระบุว่า “ผมขอให้รัฐบาลพิจารณาให้รอบคอบ หากจะทำเพราะได้หาเสียงไว้ ควรพิจารณาข้อกฎหมาย โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญและกฎหมายการเงินการคลัง หากทำผิดพลาดใครจะรับผิดชอบ ผมขอให้ดูโครงการรับจำนำข้าวเป็นตัวอย่าง ขอให้นำความเห็นผู้ที่คัดค้านไปปรับปรุงแก้ไข”

นอกจากนี้ ในโซเชียลมีเดีย เริ่มมีการปั่นกระแสต่อต้านแจกหมื่นดิจิทัล โดยมีคอนเทนต์เกี่ยวกับความคุ้มค่า ข้อดี ข้อเสีย ของนโยบาย ที่สำคัญมีบางคนพยายามสร้างกระแสไม่ขอรับเงินหมื่นดิจิทัลด้วย

ความเคลื่อนไหวทั้งกราวนด์วอร์ แอร์วอร์ “ขุนพลเพื่อไทย” มีข้อมูลอยู่ในมือทั้งหมด จึงได้เห็นการเคลื่อนไหวของ “รัฐมนตรี-สส.” ออกมาอธิบายข้อดีเกี่ยวกับการกระตุ้นเศรษฐกิจ พยายามทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อสกัดกระแสต่อต้านโครงการนี้

ขณะเดียวกัน เพื่อไทยก็ได้เปิดเวทีประชุม สส. ติวเข้มการทำการอธิบายกับประชาชนให้เข้าใจ การดำเนินนโยบายแจกหมื่นดิจิทัล โดยมอบหมายให้ “จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์” รมช.คลัง เปิดข้อมูลทุกแง่มุม ขณะที่ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เน้นย้ำให้ สส. เพื่อไทย ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่

แพทองธาร ระบุว่า “ขอฝากรัฐบาลไว้ด้วยว่า ให้ทำนโยบายนี้ให้สำเร็จ อย่างที่เราได้บอกกับประชาชนไว้ เพื่อรัฐบาลเข้มแข็ง และประชาชนทุกคนก็จะได้รับประโยชน์ไปพร้อมกัน”

สิ้นเสียงของ “แพทองธาร” รวมถึงคำประกาศก่อนหน้านี้ของนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ฟันธงได้ว่า“เพื่อไทย” ไม่มีเกียร์ถอย ทบทวนนโยบายโกยแต้มนี้อย่างแน่นอน มีแต่จะเร่งเดินหน้าทำให้สำเร็จ เพราะหากยอมถอยเท่ากับผิดสัญญากับประชาชนรอบสอง นั่นหมายถึงการนับถอยหลังเตรียมพ่ายเลือกตั้งทันที

ดังนั้นนโยบาย “แจกหมื่นดิจิทัล” จึงถือเป็นเดิมพันสูงลิบของพรรคเพื่อไทย เมื่อถูกโจมตีจาก “นักวิชาการ-นักเศรษฐศาสตร์-สว.” องคาพยพทั้งพรรค จึงต้องออกแอ็คชั่นทันที

หากทำสำเร็จ สามารถแจกหมื่นดิจิทัลได้ลุล่วง กระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นมาได้ กระแสตอบรับ จะเป็นโอกาสปลุกชีพ “เพื่อไทย” ฟื้นกระแสประชานิยมกลับมาได้เช่นกัน