'ปดิพัทธ์' แถลงเข้าร่วม 'พรรคเป็นธรรม' ไม่รับปากอยู่ต่อถึงเลือกตั้งหน้า

'ปดิพัทธ์' แถลงเข้าร่วม 'พรรคเป็นธรรม' ไม่รับปากอยู่ต่อถึงเลือกตั้งหน้า

"ปดิพัทธ์" แถลงเข้าร่วมสังกัดพรรคเป็นธรรม แต่ยังไม่ยื่นใบสมัคร เหตุรอหนังสือ กกต. ด้าน "ปิติพงศ์" พร้อมสนับสนุนงาน-ฐานะสมาชิกพรรค ไม่มีตำแหน่ง กก.บห.

นายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก ว่าที่สมาชิกพรรคเป็นธรรม พร้อมกับนายปิติพงศ์  เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม  แถลงยืนยันต่อการเข้าสังกัดพรรคเป็นธรรม หลังจากที่นายปดิพัทธ์ ถูกพรรคก้าวไกลขับออกจากสมาชิก เมื่อ 28 ก.ย. ที่ผ่านมา

 

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่าตนยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคเป็นธรรมอย่างเป็นทางการ เนื่องจากต้องรอหนังสือจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งยืนยันถึงการพ้นสมาชิกภาพจากพรรคก้าวไกลก่อน ทั้งนี้ตนตัดสินใจจะเข้าร่วมกับพรรคเป็นธรรมเพราะเป็นพรรคที่มีอุดมการณ์ใกล้เคียงมากที่สุดกับพรรคก้าวไกล ซึ่งการแถลงของตนนั้นเพื่อยืนยันว่าตนมีสังกัดพรรคการเมืองเพื่อสร้างความชัดเจนในการทำหน้าที่รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ฐานะประธานที่ประชุมสภาฯ ในวันที่ 11 ต.ค. ว่ามีสังกัดพรรคแน่นอน และเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตยที่แท้จริง

“จากการหารือกับหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเป็นธรรม รับททราบว่าการทำงานของผมต้องเผชิญแรงเสียดทานต่างๆ ทั้งการผลักดันวาระก้าวหน้า รัฐสภาโปร่งใส  เบื้องต้นได้หารือและพรรคเป็นธรรมพร้อมสนับสนุนในการทำงานของผม”นายปดิพัทธ์ กล่าว

 

นายปดิพัทธ์ กล่าวด้วยว่า แม้จะอยู่สังกัดพรรคใดจะทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบในสภาฯ ดังนั้นการทำงานจะอำนวยให้ทุกพรรคการเมืองอย่างเป็นธรรมและพร้อมการทำงานร่วมกับวุฒิสภาด้วย ทั้งนี้ยอมรับการถูกจับจ้องทางการเมืองปฏิเสธไม่ได้และเชื่อว่าการทำงานจะมีแรงเสียดทาน แม้ก่อนหน้านี้นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฐานะประธานวิปรัฐบาลจะแสดงท่าทีเคารพการตัดสินใจ

 

“ผมเคารพท่านอดิศร หากจะมีคำแนะนำหรือท่าทีอย่างไรพร้อมน้อมรับ ซึ่งสัญญาณที่ออกมาวานนี้ คือสัญญาณทางบวก ผมเชื่อว่าการทำงานในสภาฯจะราบรื่น” นายปดิพัทธ์ กล่าว

เมื่อถามถึงการตัดสินในอนาคตถึงการลงเลือกตั้งในนามพรรคเป็นธรรมหรือย้ายสังกัดตามที่ถูกมองว่าเป็นแค่กาฝาก นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า  “ยังไม่ได้ตัดสินใจระยะยาวเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น เพราะผมต้องสังกัดได้ 30 วัน ซึ่งพรรคเป็นธรรมจริงใจและเปิดรับที่สุด อีกหลายปีจะตัดสินใจเป็นเอกสิทธิของผมและพรรคเป็นธรรม”

 

 

ขณะที่ นายปิติพงศ์ กล่าวว่า   การทำงานของพรรคเป็นธรรม มีบริบทการทำงานของสภาฯ​นอกจากฝ่ายค้าน  เมื่อส่งเอกสารสมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้ว รับรองคุณสมบัติหรรือลักกษณะต้องห้ามตามกฎหมายหรือไม่ จากนั้นให้กรรมกากรบริหารพรรครับรอง เพราะไม่ใช่สมาชิกทั่วไป มีตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง  อย่างไรก็ดีในวาระที่ดำรงตำแหน่งในสภาฯ นั้นไม่สามารถเป็นกรรมการบริหารพรรคได้ แต่จะสนับสนุนการทำงานของพรรคฐานะสมาชิกพรรคเท่านั้น

 

“ผมยืนยันจุดยืนในการทำงานฐานะรองประธานสภาฯ ที่ทำงานโปร่งใส ตรวจสอบได้ และกิจการที่ดำเนินในปัจจุบัน และผมตอบรับเป็นทีมที่ปรึกษาของนายปดิพัทธ์ทำงานในสภาฯ แล้ว ทั้งนี้ผมสนับสนุนการทำงานประชาธิปไตยทางการเมืองไม่มีระบบกล้วย หรือ อามิสสินจ้าง แต่เป็นอุดมการณ์​พรรคเป็นธรรมไม่ได้ตกปลาในบ่อเพื่อนยืนยันไม่ได้เป็นสาขาของพรรคใด แต่เป็นพรรคประชาธิปไตย เป็นข้าวคนละชาม แม้ข้าวไม่อร่อยเท่ากับพรรคก้าวไกล แต่ไม่ถึงกับเป็นข้าวคลุกน้ำปลา” นายปิติพงศ์ กล่าว

 

 

นายกัณวีร์ กล่าวว่า เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก และตรวจสอบการทำงาน เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้ที่ถูกมองว่าเป็นพรรคสาขา  แต่เป็นพรรคตัวเลือก