'เศรษฐา' เผย 'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก' หย่าศึกแล้ว สั่งทำงาน ห้ามให้มีข่าวเชิงลบ

'เศรษฐา' เผย 'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก' หย่าศึกแล้ว สั่งทำงาน ห้ามให้มีข่าวเชิงลบ

"เศรษฐา" แจงเรียก "บิ๊กต่อ" เข้าทำเนียบฯ สั่งการ รับมือวีซ่าฟรี-ยาเสพติด จ่อตั้ง ที่ปรึกษาฯ ช่วยงานเพิ่ม ชี้ "บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก" หย่าศึกแล้ว สั่ง ต้องทำงานกันให้ได้ ไม่ให้มีข่าวเชิงลบ

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน  นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเชิญ "บิ๊กต่อ"พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. เข้ามาหารือภายหลังการประชุม ครม. ว่า เรื่องการพบปะกับข้าราชการระดับสูง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ หัวหน้าหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงินการคลัง ฝ่ายความมั่นคง จากนี้ต่อไปจะเป็นการทำงานในลักษณะแบบนี้ ไม่จำเป็นจะต้องไปประชุมใหญ่ ที่มีองคาพยพขนาดใหญ่   ในลักษณะการประชุมหลาย 10 คน  แต่อย่างการมาประชุมวันนี้ ก็ประชุม 3-4 คน  หรือ 6 คนเต็มที่ จากนั้นจะเป็นเรื่องการสั่งการ และรับฟังความคิดเห็น จากเหตุการณ์ปัจจุบัน อย่างเรื่องการให้วีซ่าฟรีของชาวจีน ว่าจากการดำเนินการที่ผ่านมามีปัญหาอะไรบ้าง มีการบริหารจัดการกันอย่างไร และมีข้อเรียกร้องกันอย่างไร 

เพราะบางข้อเรียกร้องก็เกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่น ทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้ภาษีต่างๆ  ซึ่งเราก็ได้รับฟัง และจะมีการหารือในกลุ่มอื่นต่อไป วันนี้ถือเป็นการพบปะกันธรรมดา ซึ่งถือเป็นมิติใหม่ในการทำงาน ไม่มีอะไรผิดปกติ เรื่องแบบนี้เราทำกันมาอยู่แล้ว และภาคส่วนอื่นก็ทำเช่นนี้ เพราะถ้าไม่มีการพูดคุย ส่วนตัวคิดว่าน่าเป็นห่วงมากกว่า การประชุมต่อไปนี้ไม่ต้องเป็นทางการมาก ไม่ต้องมีการเตรียมงาน แต่จะเป็นการกระตุ้นให้กับทุกคน และตัวตนเองว่าข้อมูลต้องพร้อม ต้องเตรียมตัวให้ดีตลอดเวลา ไม่ต้องไปเตรียมตัว 2-3 วัน บอกเช้ามาบ่ายก็ได้ จึงอยากให้ผู้ร่วมงานทุกคน และหน่วยงานมีความกระตือรือร้น แต่ไม่ต้องซีเรียสมากที่จะมาพูดคุยกัน ถ้าหากไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ก็กลับไปหาข้อมูลกันมาได้  

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการพบกันครั้งนี้ ได้มีการเคลียร์ปัญหาในวงการตำรวจหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของ"บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. กับพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ นายเศรษฐา กล่าวว่า  คิดว่าตั้งแต่ช่วงที่มีการแต่งตั้งออกไป  ทั้ง ผบ.ตร. และพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ก็มีภาพข่าวออกไปแล้ว ว่ามีการพูดคุยกันในเชิงบวก 

“คนเราอยู่ด้วยกัน ก็มีลิ้นกับฟันเป็นธรรมดา แต่ผมเชื่อว่าความตั้งใจจริงของทั้งสองท่าน และอาจจะยังมีอีกหลายคู่ ที่อาจเป็นคู่กรณีกัน ซึ่งผมไม่ทราบ แต่เรามีนโยบายชัดเจน ว่าเรามีภารกิจใหญ่คือ ความมั่นคงของประเทศ การดูแลทุกข์สุขของประชาชน ถือเป็นเรื่องที่สำคัญเรื่องส่วนตัวเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ต้องทำงานให้ได้ ต้องไม่มีข่าวเชิงลบ ต้องบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้พี่น้องประชาชนได้ตลอดเวลา” นายเศรษฐา กล่าว 

เมื่อถามว่า แสดงว่ามีความขัดแย้งกันเองจริงๆ และยังมีอีกหลายคู่ที่มีความขัดแย้งกันใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดาในทุกวงการ แม้แต่วงการสื่อมวลชน อยู่ที่นี่ก็อาจจะมีการทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดา บางคนไม่พูดคุยกันก็มี ถือเป็นธรรมดา 

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมจะห้ามศึกใช่หรือไม่  นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าเราไม่ต้องห้าม เรามีการพูดคุยกันอย่างเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่จำเป็นที่ว่าการพูดคุยแล้วจะต้องมีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่จำเป็น เราผิดใจกันได้ แล้วก็กลับมาสมานใจกันได้ใหม่ สังคมอยู่ด้วยกันมาจากหลายที่หลายทาง จะให้เห็นตรงกันทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ท้ายที่สุดก็ต้องมีการพูดคุยกัน ในภาษาที่น่าฟัง ไม่ใช่ไปด้อยค่าซึ่งกันและกัน ต้องไม่มีการดูถูกดูแคลนกัน ที่ผ่านมาสังคมแตกแยกกันเยอะแล้ว  ก็ขอให้มีมิติใหม่ ในการพูดคุยกันดีกว่า

เมื่อถามว่า ภาพลบที่ออกไปประชาชนมีความคาดหวังอยากให้มีการปฏิรูปตำรวจ นายกฯ มองอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าทุกองค์การทุกสถาบัน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง หรือการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน การดูแลทุกข์สุขของประชาชน การพัฒนาความสัมพันธ์ มีการแก้ไขในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เชื่อว่าทุกคนตระหนักดี และรู้ว่าอะไรไม่ดีก็ต้องมีการแก้ไข 

เมื่อถามว่า ได้มีการสั่งการอะไรพิเศษกับ ผบ.ตร. คนใหม่ บ้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เท่าที่พูดคุยกันวันนี้ได้ขอให้มีการติดตาม ในเรื่องวีซ่าฟรี คนจีนเข้ามาต้องไม่มีปัญหา เรื่องของการตรวจคนเข้าเมืองต้องอำนวยความสะดวกให้ดี แต่อย่าให้สะดวกเกินไปจนกระทั่งลืมเรื่องของความมั่นคง นอกจากนี้ยังได้สั่งการในเรื่องยาเสพติด ต้องดูให้ดี เพราะปัจจุบันเหมือนจะมีเข้ามาเยอะ ตนลงพื้นที่ไป เพราะมีประชาชนมาพูดคุย และแสดงความเป็นห่วงในเรื่องนี้มาก ก็ได้กำชับกับ ผบ.ตร.คนใหม่ไป และอีก 2-3 วัน ตนจะมีการแต่งตั้งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่จะไปช่วยดูแลตรงนี้  ซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจที่เพิ่งเกษียณอายุราชการไป  

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์