"หมอพรทิพย์" ระบุไม่ติดใจ ถูกตะเพิดกลางร้านอาหารที่ตปท. - เตือนสว.ระวังโดน

"หมอพรทิพย์" ระบุไม่ติดใจ ถูกตะเพิดกลางร้านอาหารที่ตปท. - เตือนสว.ระวังโดน

“หมอพรทิพย์” เข้าใจคนเห็นต่างทางการเมือง 8-9 ปีที่ผ่านมา ถูกกดไว้ แนะ ให้วิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เห็นบางครั้งก็ไม่ใช่ของจริง เตือนสว.คนอื่นให้ระวัง หากโดนด้วย

"หมอพรทิพย์" พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สว. ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ต่อกรณีที่ถูกไล่ออกจากร้านอาหารที่ต่างประเทศ  ว่า ตนไม่ติดใจ และไม่ฟ้องร้อง หรือทำอะไรใดๆ ทั้งสิ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่จบไปแล้ว สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นตนมองว่าเป็นเพราะชายคนดังกล่าวมีความรู้สึกต่อประเด็นทางการเมืองมากเกินไป  ขณะที่สว.ต้องระวังกรณีที่คนไม่แยกแยะ 

 

"ส่วนตัวเจอแบบนี้มาเยอะมาก สำหรับความเกลียดโดยที่เราไม่รู้จักกัน จึงรู้สึกแค่ว่าเห็นใจเขา เพราะเรื่องผ่านไประยะหนึ่งแล้ว และเรื่องนี้ไม่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น  แต่วันรุ่งขึ้นกลายเป็นประเด็นใหญ่เพราะชายดังกล่าวเอาคลิปไปเปิดเผย ทำให้กลายเป็นประเด็นในสังคม ส่วนตัวหมอยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ใดๆในชีวิตทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะเราเคยทำ ฉะนั้น เราจึงไม่ตอบโต้ และเราจะมุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่เราจะทำความดีเท่านั้นเอง ” พญ.คุณหญิงพรทิพย์  กล่าว

เมื่อถามว่า ในวันที่เกิดเหตุได้มีการทำความเข้าใจกับบุคคลดังกล่าวหรือไม่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า "ไม่ได้ชี้แจงอะไรชายคนดังกล่าว เพราะตนมองว่าในชีวิตไม่เคยพูดสามารถที่ทำให้คนเกลียด เปลี่ยนใจได้ เพราะตอนแรกพูดถึงสส. สว. แต่ตอนหลังเขาเข้ามาเจาะจงตัวบุคคล หากตนอยู่ต่ออาจมีการทำร้ายร่างกายได้เพราะเขาชี้หน้าแล้วไล่ตนเหมือนหมูเหมือนหมา พูดทั้งอังกฤษและไทย โดยไล่ต่อหน้าคนรับประทานอาหารในร้าน" 

เมื่อถามว่าตอนเกิดเหตุรู้สึกหรือตกใจหรือไม่ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ไม่ตกใจอะไร เพราะตนอายุ 69 ปี ผ่านอะไรแบบนี้มาเยอะ เราไม่เปิดประตูรับมัน มันก็ไม่เข้ามาทำร้ายเรา และคำสอนของพระที่เราจำเอาไว้เสมอคือพัสดุถ้าส่งแล้วไม่มีคนรับก็จะกลับไปสู่คนส่ง 

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่คนมีความเห็นต่างทางการเมืองแล้วแสดงออกดังกล่าว  พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่าตนมองแบบเข้าใจทุกฝ่าย เพราะหลักๆ การเมืองไม่ใช่แบบคนรุ่นใหม่ แต่มีผลประโยชน์และเรื่องของอำนาจ  ถ้าได้ฟังสิ่งที่ตนเคยพูดกับพรรคก้าวไกลว่าพร้อมโหวตให้ ขอเพียงอย่างเดียวคือการถอยเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เพราะสิ่งที่เขาพูดเกี่ยวกับมาตรา 112 ประเด็นที่ถูกเอาไปใช้เป็นคนละส่วนกัน ซึ่งส่วนนี้ทำให้มีความแรงใส่กันทั้ง 2 ฝ่าย หากถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป ตนไม่อาจจะบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพราะเป็นเรื่องที่มีปัจจัยหลายอย่าง เพราะถ้าจะแก้ต้องแก้ที่ลึกสุดคือเรื่องระบบการศึกษา อย่าเชื่อสิ่งที่ตาเราเห็น หรือหูเราฟัง ถ้าเราไม่ได้ศึกษาและวิเคราะห์เอง เพราะถ้าเราฟังแล้วเห็นและเชื่อบางครั้งก็ไม่ใช่ของจริง 

เมื่อถามว่า หลายคนมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นโดมิโน ที่จะเกิดขึ้นกับสว.คนอื่นอีกในอนาคต พญ.คุณหญิงพรทิพย์  กล่าวว่า ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องคนอื่นกรรมของแต่ละคนเป็นเรื่องของตัวเขาเอง แต่ในชีวิตตน มีหลายๆอย่างที่ไม่ได้เห็นแบบนั้นและในกรณีนี้เห็นว่า ตนอยู่เฉยๆไม่ต้องการให้สัมภาษณ์เป็นประเด็นกว้างต่อไป แต่กลายเป็นว่ามีผู้คนมากมายออกมาให้กำลังใจ และช่วยปกป้อง เหนือสิ่งอื่นใดปีนี้ครบ 20 ปีสึนามิ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าจะลืมไปแล้วเพราะเรื่องผ่านมานานแล้ว แต่ก็ยังมีคนมาพูด ซึ่งตนมองในมุมว่าสึนามิเป็นความงดงามของจิตอาสาของคนไทยตั้งแต่วัยเด็ก อาจจะทำให้กลับมาอีกก็ได้เพราะพลังของคนรุ่นใหม่ดี แต่เขาต้องเรียนรู้ว่าสังคมตอนนี้อาจทำให้ถูกเชื่อได้ง่าย จึงไม่ได้มองว่าเป็นโดมิโน

เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงกลุ่มคนที่อาจทำแบบนี้อีก พญ.คุณหญิงพรทิพย์  กล่าวว่า ขอบอกตรงๆไปว่าเราต้องช่วยกัน เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเราต้องป้องกันไม่ให้เกิดความก้าวร้าวและสุดท้ายจะลามให้เขาอาจจะโดนอะไร แต่สื่อต้องช่วยให้อยู่ในเส้น อย่าออกนอกแล้วไปขุดเรื่องอื่นซึ่งไม่ใช่ประเด็นหลัก อย่างไรก็ตาม ตนไม่ฝากอะไรถึงคนรุ่นใหม่ เพราะเชื่อว่าทุกอย่างจะเปลี่ยนไปโดยธรรมชาติ แต่ทั้งหมดเป็นภาพสะท้อนว่าการเมืองหากเราเสพมันมากไป มันก็จะมากระทบทุกอย่าง แต่สำหรับตนขอขอบคุณที่ให้กำลังใจ 

พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ยังกล่าวขออภัย กับประเด็นที่ถูกวิจารณ์กับลาวามอสที่ และระบุว่าเป็นความผิดพลาดของตนที่ไม่รู้ว่ามีระเบียบหรือมีกฎหมาย หากถามว่าตนรู้อะไรบ้างก็จะมีสารคดีบนเครื่องบิน เชิญชวนให้เที่ยวไอซ์แลนด์ ซึ่งจะมีคนนอนอยู่บนลาวามอส ตนจึงไม่ได้คิดอะไรมากและตรงไหนที่มีป้ายห้ามตนก็ไม่เข้าไป แต่บริเวณดังกล่าวมีที่จอดรถ และมีคนจอด พวกตนจึงเข้าไป.