‘เศรษฐา’ หารือ ‘ฮุน มาเนต’ เปิดศักราชความสัมพันธ์ ยกระดับหุ้นส่วนยุทธศาสตร์

“เศรษฐา” หารือทวิภาคี “ฮุน มาเนต” ประกาศยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ ส่งเสริมการค้า การลงทุน ท่องเที่ยว พัฒนาพื้นที่ชายแดน เร่งเปิดสะพานมิตรภาพ บ้านหนองเอี่ยน - สตึงบท ชง กัมพูชา จัดประชุม JBC เร่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หารือทวิภาคีกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเนต (H.E. Samdech Moha Borvor Thipadei Hun Manet) นายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา ณ ชั้น 2 ห้องรุมเจก (Rumchek Room) โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญดังนี้
ก่อนการหารือนายกรัฐมนตรีทั้งสองต่างแสดงความยินดีต่อกันในโอกาสเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ในช่วงเดียวกัน และมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนพัฒนาประเทศในทิศทางเดียวกัน โดยต่างย้ำมิตรภาพอันใกล้ชิดระหว่างสองประเทศ และเป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่จะเปิดศักราชใหม่ของความสัมพันธ์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีทั้งสองประกาศยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์และนายกรัฐมนตรีไทยขอเชิญนายกรัฐมนตรีกัมพูชาเยือนไทยด้วย
ผู้นำทั้งสองได้หารือถึงประเด็นสำคัญต่างๆ ร่วมกัน คือ
ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีไทย และกัมพูชาเห็นพ้องตรงกันที่จะส่งเสริมความร่วมมือมากยิ่งขึ้นทั้งการค้า การท่องเที่ยว การลงทุน การพัฒนาพื้นที่ชายแดน และภาคเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมกันอำนวยความสะดวก และเพิ่มปริมาณการค้า ให้บรรลุเป้าหมาย 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2568 รวมถึงผลักดันการขนส่งข้ามแดนโดยเร่งรัดเปิดใช้สะพานมิตรภาพที่บ้านหนองเอี่ยน - สตึงบท การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ การยกระดับจุดผ่านแดน และร่วมกันในเศรษฐกิจดิจิทัล และสีเขียว
ด้านความมั่นคง นายกรัฐมนตรีได้เสนอให้กัมพูชาจัดการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม(Joint Boundary Committee: JBC) ครั้งต่อไป เพื่อเดินหน้ายกระดับจุดผ่านแดน เพิ่มปริมาณการค้าชายแดน และยังได้เสนอให้ทั้งสองประเทศเร่งเก็บกู้ทุ่นระเบิดตามพื้นที่ชายแดน เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และปูทางการพัฒนาเศรษฐกิจบริเวณชายแดน โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่า คณะทำงานของทั้งสองฝ่ายควรร่วมกันติดตามผล และนำการหารือของผู้นำทั้งสองในวันนี้ไปดำเนินการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และนำกลับมารายงานให้ทราบ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างหน่วยงานความมั่นคงในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้ง อาชญากรรมข้ามชาติโดยเฉพาะบริเวณชายแดน พร้อมย้ำถึงการทำงาน และความร่วมมือที่ใกล้ชิดเพื่อร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความเป็นพันธมิตรด้านการพัฒนาที่แข็งแกร่งระหว่างกัน ซึ่งรวมถึงด้านการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยพร้อมที่จะทำงาน และร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ
เพื่อช่วยกันติดตามข่าวปลอม (fake news) ที่อาจสร้างความเข้าใจผิดในหมู่ประชาชน เพื่อดำเนินการป้องกันอย่างทันท่วงทีเมื่อจำเป็น







