'กมธ.สว.' เซ็งไม่ได้ข้อมูลอาการ - การรักษา 'ทักษิณ' จ่อเรียกสอบซ้ำ ต.ค.นี้

'กมธ.สว.' เซ็งไม่ได้ข้อมูลอาการ - การรักษา 'ทักษิณ' จ่อเรียกสอบซ้ำ ต.ค.นี้

กมธ.สิทธิมนุษยชน สว. ระบุไม่ได้คำตอบอาการ และการรักษาด้วยการผ่าตัด แนะ “สตช.- แพทย์ใหญ่ - ญาติ” แจงรายละเอียดให้คลายสงสัย หวั่นเป็นคลื่นใต้น้ำกระทบกระบวนการยุติธรรม จ่อเรียกมาให้ข้อมูลซ้ำ เดือนต.ค.

เมื่อเวลา 16.30 น. นายสมชาย แสวงการ สว.  ฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา แถลงภายหลังการประชุมเพื่อ ติดตามการดูแลนักโทษของระบบราชทัณฑ์ ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวกับมาตรการดูแลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เกินกว่า 30 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลาตามระเบียบที่ราชทัณฑ์กำหนด ว่า ได้รับข้อมูลพอสมควร โดยได้รับคำตอบ 3-4 ประเด็น ได้แก่

 

1. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ  ตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม อยู่ในความดูแลของกรมราชทัณฑ์ที่ให้พักรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจ และมีตำรวจช่วยดูแลควบคุม ส่วนกรณีที่สังคมวิจารณ์ว่าไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลจริง และกลับบ้านไปเลี้ยงหลานแล้วนั้น ตัวแทนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นั้น ยืนยันข้อเท็จจริงว่า ว่านายทักษิณพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ

 

2.การรักษาตัว เป็นไปตาม 4 โรคสำคัญ​ ที่มีผลรับรองทางการแพทย์จากสิงคโปร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  ขณะที่การรักษาด้วยการผ่าตัดโดยแพทย์ใหญ่  ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน เพราะแพทย์ที่มาชี้แจงนั้นไม่ได้เป็นผู้รักษา และเป็นไปตามกฎหมายที่คุ้มครองตามสิทธิของผู้ป่วย  กมธ.แนะนำสามารถส่งข้อมูลทางลับได้ เพราะกมธ.จะไม่นำไปเปิดเผย

 

“กมธ.ให้คำแนะนำด้วยว่า ขณะนี้มีการสงสัยในอาการป่วยหลายโรค ควรชี้แจงว่ามีโรคใดที่ควรกังวล และพักฟื้นในระยะเวลาเท่าไร ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นสิทธิของผู้ป่วย และครอบครัวที่สามารถรับรู้ได้ ทั้งนี้แพทย์ ผู้ป่วยต้องอธิบายได้ในบางระดับให้สังคมรับทราบ ว่าอาการที่ต้องรักษาด้วยการผ่าตัด และต้องรักษาต่อไป อยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจมากหรือไม่ ตามดุลยพินิจของแพทย์” นายสมชาย กล่าว

3.ในประเด็นที่ กมธ. สอบถาม กรณีที่นายทักษิณ ฐานะนักโทษเด็ดขาด และเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการจนเป็นที่น่าพอใจแล้ว และส่งกลับได้หรือไม่ โรงพยาบาลราชทัณฑ์สามารถรับผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาไปฟื้นฟู และหากหายสามารถกลับไปเรือนจำได้ หรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ระบุว่าเป็นขั้นตอนปกติ ทั้งนี้ต้องดูว่าอาการของนายทักษิณอยู่ในเกณฑ์ใดต้องให้แพทย์ใหญ่ปรึกษากับญาติ ซึ่งอาจจะได้รับการชี้แจงต่อไป แต่เป็นสิทธิของญาติที่จะชี้แจงกับสังคมหรือไม่ โดย กมธ.ไม่ก้าวล่วง

 

4.กรณีรับพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษ จะได้รับการลดโทษอีกหรือไม่ กรมราชทัณฑ์ ระบุว่า เกณฑ์การขอลดโทษตามห้วงเวลาที่สามารถขอพระราชทานอภัยโทษนั้น มีช่วงเวลาตามวโรกาสพิเศษ เช่น วันที่  5 ธ.ค., 27 ก.ค. , 12 ส.ค.  ทั้งนี้การขอลดโทษตามเกณฑ์นักโทษต้องรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 โดยจำนวนวันของนายทักษิณ ตามเกณฑ์ 1 ใน 3 หรือ 120 วัน จะเกิดขึ้นในวันที่ 20 ธ.ค. หรือเกณฑ์ 6 เดือน ซึ่งในกรณีของนายทักษิณ นั้นจะครบเกณฑ์ 6 เดือนในเดือนก.พ. 67

 

“ส่วนการพักโทษที่มีหลักเกณฑ์คือ เป็นผู้สูงวัย มีโรคประจำตัว ซึ่งนายทักษิณอยู่ในเกณฑ์ดังกล่าว เมื่อถามว่าต้องใส่กำไลอีเอ็มหรือไม่ เจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าไม่จำเป็น หากพักโทษแล้วอาจจำจัดพื้นที่ ที่อยู่ เช่น ที่บ้าน ในประเทศไทย แต่ไม่สามารถเดินทางนอกราชอาณาจักรได้  ทั้งนี้ในห้วงเวลา 6 เดือนที่จะเข้าเกณฑ์พักโทษนั้น จะรวมเวลาที่อยู่ในช่วงการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจด้วย” นายสมชาย แถลง

ประธาน กมธ.สิทธิมนุษยชนฯ กล่าวด้วยว่า  การรักษาตัวว่าจะอีกนานหรือไม่ เป็นประเด็นที่แพทย์ใหญ่ของโรงพยาบาลตำรวจจะพิจารณา ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ปฏิเสธไม่ได้  ส่วนกรณีการผ่าตัดนั้น กมธ.ไม่ได้รับคำตอบ  ซึ่ง กมธ.ไม่ได้บังคับให้ตอบ เพียงแค่ให้คำแนะนำว่า ไม่ตอบ สังคมจะมีความสงสัย ดังนั้น สตช. และแพทย์ใหญ่ต้องชี้แจง หากไม่ป่วยต้องกลับเข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แต่หากป่วยต้องชี้แจงว่าถึงระยะเวลารักษาซึ่งตนไม่ได้แช่ง ทั้งนี้ตนอยากเห็นความตรงไปตรงมา หากนายทักษิณตัดสินใจจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว

 

“หากปล่อยให้มีความสงสัย และเกิดเป็นคลื่นใต้น้ำ อาจจะมีผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมได้ อย่างไรก็ดีนายแพทย์ใหญ่ไม่ได้ให้คำตอบในรายละเอียดการรักษานายทักษิณ เท่าที่ระบุกับ กมธ. ได้คือ ไม่ขอตอบ ดังนั้นยังไม่ทราบอาการ หรือกรณีที่ต้องผ่าตัด  ทั้งนี้ กมธ.จะให้เวลาอีก 1 เดือนคือ ในช่วงเดือนตุลาคม ก่อนที่นายทักษิณจะครบสิทธิการรักษาตัวนอกเรือนจำ จะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงอีกครั้ง อย่างไรก็ดีในประเด็นที่เกี่ยวข้องกันทราบว่ามี กมธ.คณะอื่นๆ สนใจจะติดตามเช่นกัน” นายสมชาย กล่าว.

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์