'พิธา' ห่วงทัวร์ลง 'ปิยบุตร' หลังดราม่า 'ช่อ' ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง

'พิธา' ห่วงทัวร์ลง 'ปิยบุตร' หลังดราม่า 'ช่อ' ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง

'พิธา' ปัดตอบเตรียมการรับคำตัดสินของศาล ระบุทุกคนพร้อมทำหน้าที่ถาวร เดินหน้าแม้ไร้ตำแหน่ง เผยห่วงความรู้สึก 'ปิยบุตร -คนในพรรค' หลังเจอดราม่า 'ช่อ' ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง บ่นเสียดาย 'อมรรัตน์' ปฏิเสธรับตำแหน่งในพรรค 

เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 23 ก.ย. ที่ อาคารไทยซัมมิททาวเวอร์ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รักษาการหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ว่า โดยรวมเป็นการปรับโครงสร้างการทำงานของพรรคก้าวไกลทั้งเรื่องของบุคลากร ข้อบังคับให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อเดินหน้าต่อไปในอนาคต ซึ่งคนที่จะมาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่นั้น ตนไม่ได้คาดหวังอะไร คิดว่าคนที่กำลังเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลต่อไปนั้น ไม่ได้เป็นเรื่องของบุคคล แต่เป็นเรื่องการเดินทางของพรรคโดยรวม ซึ่งคนที่เดินมาก็มีความพร้อมทุกคน

เมื่อถามว่า การเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่เพื่อเตรียมการรองรับคำตัดสินของศาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า อันนี้เร็วเกินไปที่จะพูด ตอนนี้ยังไม่มีความแน่นอน ใครที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค หรือเลขาฯ พรรคก็มีความท้าทายทุกวัน ทุกอาทิตย์ ทุกเดือน เพราะฉะนั้นก็ต้องพร้อมที่จะเป็นทั้งหัวหน้าตัวจริงและเลขาฯ ตัวจริง

เมื่อถามว่าส่วนตัวนายพิธาจะมีการรับตำแหน่งพิเศษภายในพรรคหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ขอให้รอดูหลังการประชุมจะได้ความชัดเจน 100% อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมที่จะทำงานเพื่อพรรคก้าวไกลทุกบทบาท ถึงไม่มีตำแหน่งก็ทำงานเหมือนเดิม

เมื่อถามว่ากรณีนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ออกมาแสดงความคิดเห็น ถึงพรรคก้าวไกลไม่แสดงความเห็นต่อกรณี น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ถูกศาลพิพากษาตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต จะทำให้เสียมวลชนหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้คิดว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการจะต้องเสียมวลชนไปหรือไม่ สิ่งสำคัญคือ แต่เป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของคนในพรรคและนายปิยบุตร

ส่วนตนคิดถึงนายปิยบุตรอยู่ตลอด ตั้งแต่ครั้งที่เริ่มตั้งพรรคอนาคตใหม่มาด้วยกัน จนกระทั่งมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค และช่วยพรรคถูกต้องตามกฎหมาย และเชื่อว่าพวกเราทุกคนก็คิดถึงนายปิยบุตร รวมถึงกรรมการบริหารพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ในช่วงที่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ 

เมื่อถามย้ำว่า จะมีการพูดคุยปรับความเข้าใจกันหรือไม่​ นายพิธา กล่าวว่า ตนก็ยังเจอนายปิยบุตรอยู่เรื่อยๆ และเพิ่งจะไปรับประทานอาหารด้วยกัน มีการพูดคุยกันตลอดในกรอบที่กฎหมายอนุญาต และเป็นเพื่อนกัน

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีทัวร์ลงที่นายปิยบุตร เราจะมีการบอกกล่าวกับแฟนคลับอย่างไรหรือไม่  นายพิธา กล่าวว่า ตนคิดว่า ความสามัคคีคือสิ่งสำคัญของทุกฝ่าย โดยเฉพาะการเมืองบริบทแบบนี้ ขอให้ทุกคนมีความสามัคคี อดทน อดกลั้นในการที่จะแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเพื่อให้เราฝ่ายค้านเข้มแข็ง

เมื่อถามว่า มีความกังวลเรื่องกระแสของพรรคก้าวไกลหรือไม่ ที่หัวหน้าพรรคเปลี่ยนมือจากนายพิธาไปเป็นคนอื่น นายพิธา กล่าวว่า ไม่ได้กังวลอะไรเลย ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แต่มันมีความจำเป็นที่จะต้องคิดถึงส่วนรวม และเปิดทางให้มีผู้นำฝ่ายค้าน ทั้งเชิงมหภาค จุลภาค ฉะนั้นไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกันในการทำงานของแกนนำทั่วไป

เมื่อถามว่าเสียดายหรือไม่ที่นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตสส.พรรคก้าวไกลและที่ปรึกษารองประธานสภาคนที่ 1 ปฏิเสธ ที่จะเข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล นายพิธา กล่าวว่า แน่นอน แต่เชื่อว่านางอมรรัตน์ก็เป็นส่วนหนึ่งของพรรคอยู่แล้ว อย่างที่บอกพรรคก้าวไกลไม่ได้เลือกที่ตัวบุคคล และไม่ได้ยึดในตำแหน่ง  ฉะนั้นก็ยังทำงานกันเป็นทีมอยู่ดี

จากนั้น นายพิธา ได้เข้าห้องประชุมพร้อมกล่าวบนเวทีถึงสาเหตุการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคก้าวไกลว่า เหตุผลการที่ต้องมาประชุมกันในวันนี้ เริ่มต้นจากการที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ได้ลาออกจากกรรมการบริหารพรรค เพื่อจะไปเป็นรองประธานสภาของคนที่ 1 ต่อมาเมื่อมีความแน่ชัดแล้วว่า พรรคก้าวไกลจะต้องเป็นฝ่ายค้านและต้องเป็นฝ่ายค้านเชิงรุก ตนจึงจำเป็นตัดสินใจลาออก เพื่อเปิดทางให้พรรคได้หาผู้นำฝ่ายค้านตามรัฐธรรมนูญที่จะต้องเป็น สส. ในระหว่างที่จะต้องรอเรื่องเกี่ยวกับคดีความของตน