"รมช.คลัง" แจงรัฐบาลจ่อปรับกม. ล้อมคอกเหตุซ้ำรอย "บ.สตาร์ค"

"รมช.คลัง" แจงรัฐบาลจ่อปรับกม. ล้อมคอกเหตุซ้ำรอย "บ.สตาร์ค"

"รมช.คลัง" แจงสภาฯ ช่วงกระทู้ถามสด ปมแก้ปัญหา บ.สตาร์ค ย้ำรัฐบาลเร่งแก้ปัญหา หากลไกป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ จ่อปรับกม.คุมเข้ม ขณะนี้อยู่ในชั้นกฤษฎีกา

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ช่วงกระทู้ถามสด ซึ่งตั้งถามโดยนายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ต่อกรณีการฉ้อโกงหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ว่า  นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯและรมว.คลัง ได้พูดคุยกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างกลไกตรวจสอบ เยียวยาผู้เสียหาย หรือผู้ที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงกลไกปิดช่องโหว่ในตลาดทุนในไทย ที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งรัฐบาล กระทรวงการคลัง ไม่ได้นิ่งนอนใจ ทุกคนติดตามตรวจสอบอย่างใกล้ชิด โดยทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อติดตาม และนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ

รมช.คลัง ชี้แจงด้วยว่า สำหรับประเด็นการอายัดเงินและห้ามผู้ที่กระทำความผิดนอกประเทศได้ดำเนินการแล้ว สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตราดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร้องทุกข์กล่าวโทษ คณะกรรมการ อดีตกรรมการ และอดีตผู้บริหารของบริษัททั้งสิ้น 10 ราย จากเรื่องการตกแต่งงบการเงินบริษัท การกระทำโดยทุจริตหลอกลวง ซึ่งมีการยื่นคำร้องต่อศาลอาญา และห้ามมิให้มีคำสั่งห้ามผู้ถูกกล่าวโทษออกนอกราชอาณาจักร ตามคำสั่ง ก.ล.ต. เป็นการชั่วคราว และนำผู้ต้องหามาฟ้องคดีต่อศาล ทั้งนี้ ยังอยู่ในขั้นตอนของการสืบสวน และอายัดเพิ่มเติมอีก

 

รมช.คลัง ชี้แจงอีกว่าสำหรับการแก้ไขกฎหมายเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นซ้ำอีกนั้น ตามกรอบกฎหมายต้องรวบรวมหลักฐานให้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ทำให้ระยะเวลาในการอายัดทรัพย์ล่าช้า ซึ่งขณะนี้กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อทำให้กระบวนการรัดกุมยิ่งขึ้น มีการเพิ่มบทบัญญัติในเรื่องของโทษทางปกครอง และบรรจุโทษปรับเป็นพินัย

"ขั้นตอนขณะนี้อยู่ในระหว่างกฤษฎีกา หากผ่านแล้วคงเข้าคณะรัฐมนตรี และจะการพิจารณาในชั้นสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภาต่อไป ส่วนการปรับปรุงระเบียบต่างๆ ก็ได้การแลกเปลี่ยนกันระหว่าง ก.ล.ต. และกระทรวงการคลัง ทั้งวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น การปรับปรุงข้อมูลสรุปที่ทางตลาดหลักทรัพย์ทำให้นักลงทุนวิเคราะห์ อัตราส่วนในการกู้ยืมเงิน และยืนยันต่อผู้กู้เงินที่จะลงทุนว่าข้อมูลดังกล่าวเชื่อถือได้ ซึ่งจะพิจารณาพูดคุยหาทางออก แก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป" รมช.คลัง ชี้แจง.