‘เศรษฐา’ จ่อดันรถไฟรางคู่เฟส 2 ขอนแก่น-หนองคายเข้า ครม.เผยอบอุ่นพบคนอีสาน

‘เศรษฐา’ จ่อดันรถไฟรางคู่เฟส 2 ขอนแก่น-หนองคายเข้า ครม.เผยอบอุ่นพบคนอีสาน

‘เศรษฐา’ เตรียมดันรถไฟรางคู่เฟส 2 ขอนแก่น-หนองคายเข้า ครม. พร้อมเร่งเจรจาการค้าขนส่งออกระหว่างประเทศ เผยรู้สึกอบอุ่นหลังลงพื้นที่อีสาน

วันที่ 9 ก.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการลง พื้นที่จังหวัดอุดรธานีและหนองคาย ว่า ดูเรื่องจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าและศุลกากร เพราะหนองคายเป็นประตูเศรษฐกิจสำคัญที่สุด ปริมาณการค้าระหว่างประเทศที่ผ่านจากประเทศไทยไปลาวและไปประเทศจีนเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศุลกากรการเกษตรและคมนาคม รถไฟรางคู่ที่ต้องมาจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า สะพานมิตรภาพไทยลาวต้องยกระดับรับน้ำหนักมากขึ้น และมีประเด็นอื่นๆ อีกเยอะ ส่วนการพัฒนาสถานีรถไฟนาทาจ.หนองคาย ที่จะเป็นจุดเวียนถ่ายสินค้าคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการสร้างพื้นที่ให้เป็นจุดวันสต็อปเซอร์วิสถ่ายสินค้า แต่ตอนนี้เราต้องมีการนับหนึ่งก่อน โดยกลับไปต้องมีการประชุมกันอีกครั้ง โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นโต้โผหลักในการประสานงาน รวมถึงการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมด้วย เพราะถ้าหากเราทำดีแล้วยังติดขัดกับฝ่ายลาวอีกทำให้ไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้ 

สำหรับความแตกต่างทางด้านเศรษฐกิจระหว่างจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดอุดรธานีนั้น ทั้งสองจังหวัดถือว่าเป็นพื้นที่ใหญ่ของภาคอีสานตอนบนและเป็นเมืองท่า เพราะมีสนามบิน มีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยวหรือภาคอุตสาหกรรมที่จังหวัดอุดรธานีจะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรมขึ้นมา มีสินค้าหลายอย่างที่ยังไม่สามารถนำศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้ง 3 วันที่ผ่านมาได้พบปะและรับฟังปัญหาพี่น้องภาคเอกชนและข้าราชการ ซึ่ง 

ส่วนรถไฟรางคู่เฟส 2 จากจังหวัดขอนแก่นมาจังหวัดหนองคายต้องเข้าที่ประชุมครม.หรือสามารถทำต่อไปได้เลย นายเศรษฐา ระบุว่า เข้าใจว่าเข้าครม.อีกครั้งเดียวก็จบแล้ว เพราะงบประมาณมีการกันไว้เรียบร้อยและเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนอีกเรื่องหนึ่ง ใช้เงินไม่มากนักแต่ประโยชน์มหาศาล แต่ก็ต้องทำควบคู่กันไปกับจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้า  ทำให้ สะพานมิตรภาพไทยลาวรับน้ำหนักได้มากขึ้น การเจรจากับลาวและต้องมีการทำวันสต็อปเซอร์วิสด้วยเพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชน 

นายเศรษฐา กล่าวว่า แนวทางในการส่งออกสินค้าระหว่างไทย ลาว และจีนมีการรวมหลายภาคส่วนเข้าด้วยกันทั้งการคมนาคมเกี่ยวกับเรื่องรถไฟรางคู่ จุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าที่ต้องมีความทันสมัย และต้องแข่งกับฝ่ายลาวด้วย ซึ่งการเจรจาการค้าระหว่างประเทศการขนถ่ายสินค้าเป็นไปด้วยดี รวมทัังสิ่งก่อสร้างต่างๆ และหวังว่าจะได้กลับมาที่นี่อีกครั้งในปลายเดือนหน้าเพื่อติดตามความคืบหน้า

 

ส่วนเรื่องงบประมาณที่ลงมาในพื้นที่ภาคอีสานจำนวนมากและเพิ่มมากขึ้นจะทำให้เป็นปัญหาต่อการทำงานหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เรื่องงบประมาณไม่อยากให้เป็นเรื่องยาก เป็นเรื่องที่ต้องบริหารจัดการกัน ทุกหน่วยงาน ทุกภาคส่วน ประชาชนทุกจังหวัดก็ต้องการการพัฒนาต่อไป เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาล กระทรวงทบวงกรมทุกแห่งต้องมีการจัดสรรงบประมาณที่เหมาะสมและเรียงลำดับความสำคัญให้ดี ดูเรื่องงบประมาณให้ดี งบประมาณที่อนุมัติไปแล้วก็อย่าให้เพิ่มมากขึ้น ต้องช่วยกันบริหารจัดการงบประมาณให้อยู่ในกรอบที่สามารถทำได้ ไม่เช่นนั้น ก็จะมีปัญหาเรื่องวินัยการเงินการคลังอีก เราเองทราบดีและตระหนักถึงว่าประชาชนมีความเดือดร้อนเยอะ ความเดือดร้อนก็ต้องแก้ไขด้วยการมีงบประมาณออกไป 

ถ้าหากการของบของแต่ละหน่วยงานแต่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้จะให้การทำงานมีปัญหาหรือไม่นั้น นายเศรษฐากล่าวว่า อะไรที่เหมาะสมเราก็ต้องทำ อะไรไม่เหมาะสมก็ต้องถูกตีกลับไปพิจารณากันใหม่ เพราะหลายกระทรวงก็มีความต้องการกันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่ต้องการงบประมาณก็สามารถทำได้ ซึ่งอยากให้รัฐมนตรีหลายท่านโฟกัสที่จุดนี้ด้วยเช่นกัน ในการเปลี่ยนแปลงนโยบาย รวมถึงการแก้กฎกติกา บางอย่างที่ไม่ต้องการงบประมาณก็สามารถทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้ 

ส่วนกังวลหรือไม่เพราะที่ผ่านมาการใช้งบประมาณเกี่ยวข้องกับคะแนนของแต่ละพรรคด้วย นายเศรษฐา กล่าวว่า เรามาทำงานวันนี้เพื่อประชาชน ซึ่งเรื่องความต้องการของประชาชนเป็นเรื่องที่สุด

ส่วนการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลกที่มีการของบประมาณเพิ่มเท่าตัว ซึ่งงานเหลือระยะเวลาอีก 3 ปี จะมีการเพิ่มงบให้หรือไม่และจะบริหารจัดการอย่างไร นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นเรื่องที่แปลกใจ แต่การมาอุดรธานีครั้งนี้เป็นการมารับฟังความคืบหน้า ซึ่งเหลือเวลาอีก 3 ปีเราก็ต้องดูให้ดี หากสร้างไม่ทันก็จะเป็นปัญหา ซึ่งการเพิ่มงบประมาณอีก 3,000 ล้านบาท ตนเชื่อว่าทุกคนมีความกังวล แต่ทาง อบจ.บอกแล้วว่าเป็นผู้นำเสนอ และทางนักวิชาการก็ต้องกลับไปช่วยกันดูให้เหมาะสม ลดค่าใช้จ่ายทำให้อยู่ในกรอบงบประมาณที่สามารถทำได้ หาเพิ่มมานิดหน่อยก็น่าจะสามารถพิจารณาได้ แต่สำคัญที่สุดคือจุดเริ่มต้น ที่ต้องเริ่มแล้วไม่เช่นนั้นไม่ทัน และจะเป็นการเสียหน้า ทั้งนี้ หวังว่าอบจ.จะเข้าใจ เพราะทุกภาคส่วนต้องการงบประมาณหมด ซึ่งบางนโยบายก็เป็นเรื่องยาก ตนจึงบอกว่าอยากลงพื้นที่ให้ได้มากที่สุดเพื่อมารับฟังปัญหา ซึ่งหลายเรื่องยังไม่ได้ถูกหยิบยกมาพูด 

ส่วนจะมีการประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แล้วจะเร่งบริหารจัดการต่อไป นอกจากเรื่องปากท้องแล้ว ปัญหายาเสพติดก็เป็นปัญหาสำคัญของภาคอีสานเช่นกันที่ไม่อยากให้ รัฐบาลเราต้องดูทุกเรื่อง 

นอกจากนี้ นายเศรษฐา กล่าวว่า การลงพื้นที่ภาคอีสานหลังได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรู้สึกอบอุ่นมากกว่าช่วงหาเสียง ดังนั้นหากถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือต้องการให้กำลังใจเชื่อว่าการลงพื้นที่อีสานโดยเฉพาะ3 จังหวัดนี้(ขอนแก่น อุดรธานนี หนองคาย) ทำให้ได้รับกำลังใจกลับไปมากขึ้น