‘ศรภ.’ ทีมมือพระกาฬ ‘3 นายกฯ’ เลี่ยงใช้บริการ

ศูนย์รักษาความปลอดภัย หรือ ศรภ. อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของกองบัญชาการกองทัพไทย ไม่ได้มีหน้าที่เพียงดูแลงานด้านการข่าวที่เปรียบเสมือน หน่วย “ซีไอเอ” ของกองทัพเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่จัดชุดอารักขาบุคคลสำคัญ ตาม พ.ร.บ.รักษาความปลอดภัยทางทหาร ทั้งนายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครอบคลุมแขกต่างประเทศ

ย้อนไปก่อนหน้านี้ 3 เดือน พล.ท.ทวีศักดิ์ มณีวงศ์ ผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ศรภ.) สั่งการให้เตรียมความพร้อมชุดอารักขาบุคคลสำคัญ รองรับนายกฯ รมว.กลาโหม และ ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ พร้อมคัดเลือกบุคคลได้รับการฝึกมาอย่างดี เข้ามาทำหน้าที่

ในส่วนของ  นายกรัฐมนตรี แม้ ศรภ.จะจัดทีมรักษาความปลอดภัยไว้ให้ แต่เบื้องต้น “เศรษฐา ทวีสิน” นายกฯ เลือกใช้ทีมรักษาความปลอดภัยของตำรวจ ภายใต้กำกับดูแลของ“พ.ต.อ.วทัญญู วิทยผโลทัย” หรือ “ผกก.หนุ่ย” ซึ่งเคยติดตามอารักขา ดูแลความปลอดภัย 2 อดีตนายกฯ “ทักษิณ -ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ก่อนถูกรัฐประหาร ยึดอำนาจ

เบื้องต้นจัดรูปแบบ 3 คันแรก เป็นรถนำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามด้วยรถนายกรัฐมนตรี
ถัดจากนั้นจะเป็นทีมของ “ผกก.หนุ่ย” ประกบตามหลัง และจะเป็นทีมของ ศรภ. ซึ่งอาจจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ หรือบางครั้งจะเลือกเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลมาดูแล

ล่าสุด“ผกก.หนุ่ย” กำลังรวบรวมตำรวจชุดติดตามเดิมของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ซึ่งขณะนี้กระจัดกระจายไปอารักขาบุคคลสำคัญอื่นๆ เช่น ติดตาม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ. ตร. ให้กลับมาทำหน้าที่ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจด้วย

แหล่งข่าว ศรภ. เปิดเผยว่า ได้จัดทีมรักษาความปลอดภัย และซักซ้อมกันมาประมาณ 3 เดือนแล้ว ก่อนปรับเปลี่ยนงบประมาณประจำปี ตั้งแต่ นายกฯ รมว.กลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.เหล่าทัพ เราพร้อมปฏิบัติงาน แต่ในส่วนของนายกฯนั้น ทราบว่าท่านเลือกใช้ชุดรักษาความปลอดภัยของตำรวจ ในส่วนของเราก็ต้องเตรียมเอาไว้ หากมีการประสาน หรือท่านเรียกหา พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่เรื่องแปลก หากนายกฯ ไม่เลือกใช้ทีมรักษาความปลอดภัยของ ศรภ. เพราะขึ้นอยู่กับความคุ้นเคยและความมั่นใจไม่ต่างกับอดีตนายกฯ คนอื่นๆ ที่ผ่านมา เช่น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกใช้ ทีม รปภ. จาก ร.21 รอ. และหน่วยข่าวกรองทางทหาร เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ ก็เดินทางกลับหน่วย

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า “ผกก.หนุ่ย” มีความใกล้ชิดและเป็นที่ไว้วางใจคนใน“ตระกูลชินวัตร”มาอย่างยาวนาน และ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ยังถูกรัฐประหารถึง 2 ครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลหนึ่งไม่เลือกใช้ทีม ศรภ. ซึ่งเป็นคนของกองทัพ

 “ผกก.หนุ่ย” จบนายร้อยตำรวจ รุ่นที่ 49 เริ่มบรรจุครั้งแรกในกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ต่อมาได้โยกย้ายมาเป็น รองผบก.ส.3 ดูแลงานรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญ ได้อยู่ในทีมทีมอารักขา “นายกฯทักษิณ”

กระทั่งรัฐประหารปี 2549 ได้เป็นหัวหน้าชุดคุ้มกันคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ก่อนถูกคำสั่งย้ายไปเป็น สว.สป.สภ.กรงปินัง จ.ยะลา ในปี 2550 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร.ในขณะนั้น มีคำสั่งขอตัวมาช่วยราชการในสำนักงาน รองผบ.ตร. และได้กลับมาดูแลบ้านจันทร์ส่องหล้า ของตระกูลชินวัตร

จนมาปี 2554 พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง เป็นโอกาสที่ ผกก.หนุ่ย มาทำหน้าที่อารักขา “นายกฯยิ่งลักษณ์” แม้ในขณะพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ไปแล้ว ยังคงทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยต่อไป

ด้าน “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหมป้ายแดง ที่ก็เพิ่งได้รับทีมรักษาความปลอดภัยจาก ศรภ. ส่งตรงถึงหน้าบ้านพัก เมื่อช่วงเช้า 5 ก.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 2 ชุด 24 นาย ปฏิบัติภารกิจอารักขาดูแล โดยมีรถนำ จักรยานยนต์  2 คัน และปิดท้ายขบวน

แต่ “สุทิน คลังแสง” ยังดึงตำรวจคู่ใจ ที่ครอบครัวรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะเป็นเครือญาติ มาติดตามประกบเหมือนเงาตามตัว เพิ่มความอุ่นใจ โดยเข้ามาประดิมงานได้ 1 สัปดาห์แล้ว

“ถือเป็นหน้าที่ของ ศรภ. ซึ่งผมได้กำชับไปว่า เอาที่จำเป็น เพราะผมก็ไม่ได้มีความจำเป็นอะไรที่ต้องจัดคนมาดูแล แต่ก็ทราบว่าเป็นแนวปฏิบัติของกองทัพ และส่วนตัวผมก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใกล้ชิด คอยติดตามระหว่างลงพื้นที่อยู่แล้ว” รมว.กลาโหม ระบุ

อย่างไรก็ตาม ศรภ.เคยปฏิบัติภารกิจสำคัญระดับประเทศ เช่น การเตรียมความพร้อมเป็นเจ้าภาพเอเปค 2022 ในการรับผิดชอบรักษาความปลอดภัยสถานที่ บุคคลสำคัญ ผู้นำประเทศต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จนภารกิจลุล่วงไปด้วยดี