แคนดิเดตรัฐมนตรี มีปัญหาแน่ ถ้าเคยถูกลงโทษ ปลดจากราชการ เพราะทุจริต

แคนดิเดตรัฐมนตรี มีปัญหาแน่ ถ้าเคยถูกลงโทษ ปลดจากราชการ เพราะทุจริต

"วิษณุ" ชี้ แคนดิเดตรัฐมนตรี เคยถูกลงโทษ สั่งปลดออกจากราชการ ถ้าเป็นเรื่องทุจริตมีปัญหาแน่ โยน ดุลพินิจหัวหน้าพรรคที่เสนอชื่อ เหตุ ต้องรายงานประวัติทั้งหมด หลัง มีหนังสือว่อน บิ๊กพปชร. อยู่ในข่าย

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึง คุณสมบัติรัฐมนตรีหากเคยถูกปลดออกจากราชการและภายหลังได้มีคำสั่งยกเลิก จะถือว่ามีคุณสมบัติขัดกับรัฐธรรมนูญ ม.98(8) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ เพราะประพฤติมิชอบในวงราชการ หรือไม่ว่า อยู่ที่ว่าให้ออกเพราะอะไรถ้าเป็นการปลดออกเพราะการทุจริตจะเป็นปัญหา บางทีออกเพราะเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน เช่นขาดงาน 15 วัน 

เมื่อถามว่าขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเลขาธิการคณะรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายวิษณุ ระบุว่า ไม่ใช่ เป็นดุลพินิจของหัวหน้าพรรคที่เสนอชื่อบุคคลดังกล่าว แต่ก็จะต้องมีการรายงานประวัติขึ้นไปทั้งหมด 

ทั้งนี้มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้มีหนังสือด่วนที่สุด เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากว่าที่รัฐมนตรีรายหนึ่งจากพรรคพลังประชารัฐ อาจมีคุณสมบัติขัดกับรัฐธรรมนูญ 

 

แคนดิเดตรัฐมนตรี มีปัญหาแน่ ถ้าเคยถูกลงโทษ ปลดจากราชการ เพราะทุจริต

โดยรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มาตรา 160 กำหนดคุณสมบัติรัฐมนตรี

(1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด

(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปี

(3) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

(4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

(5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

(6) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98

(7) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท

(8) ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุกระทำการอันเป็นการต้องห้ามมาตรา 186 หรือมาตรา 187 มาแล้วยังไม่ถึงสองปีนับถึงวันแต่งตั้ง

ประกอบกับ มาตรา 98 บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

(1) ติดยาเสพติดให้โทษ

(2) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต

(3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ

(4) เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 96 (1) (2) หรือ (4)

(5) อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง

(6) ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล

(7) เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ

(8) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่ หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ

(9) เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

(10) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน

(11) เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง

(12) เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำนอกจากข้าราชการการเมือง

(13) เป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น

(14) เป็นสมาชิกวุฒิสภาหรือเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกภาพสิ้นสุดลงยังไม่เกินสองปี

(15) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจหรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ

(16) เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

(17) อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

(18) เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุตามมาตรา 144 หรือมาตรา 235 วรรคสาม