"ไทยภักดี" จี้ "กองทัพ-อสส." เร่งคดีหมิ่น-ม.112 กับทักษิณ ค้านอภัยโทษ

"ไทยภักดี" จี้ "กองทัพ-อสส." เร่งคดีหมิ่น-ม.112 กับทักษิณ ค้านอภัยโทษ

"ไทยภักดี" ออกแถลงการณ์ค้านขออภัยโทษ "ทักษิณ" ชี้เป็นเป็นนักโทษคดีทุจริต หวั่นกระทบหลักนิติธรรม พร้อมจี้ "กองทัพ-อสส." เดินหน้าคดีหมิ่น-ม.112

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดีและสมาชิก ร่วมแถลงการณ์ คัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายของนายทักษิณ ชินวัตร รวมถึงขอให้กองทัพบกและอัยการสูงสุดฐานะโจทก์เร่งรัดดำเนินคดีหมิ่นประมาทและคดีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กับนายทักษิณ และในวันที่ 28 ส.ค. คณะไทยภักดี จะยื่นหนังสือถึง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ คัดค้านขอพระราชทานอภัยโทษ เป็นการพิเศษเฉพาะราย ของ นายทักษิณ ชินวัตร เวลา 10.00 น. ที่กรมราชทัณฑ์  และเวลา 10.30 น. จะยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุดเพื่อทวงถามกรณีการส่งฟ้องนายทักษิณ คดีผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด 

ทั้งนี้ นพ.วรงค์ ได้อ่านแถลงการณ์ตอนหนึ่งระบุด้วยว่า คดีความที่เกียวข้องกับนายทักษิณ9 คดี พบว่า มีคดีที่ค้างอยู่ที่ศาลอีก 1 คดี คือ คดีที่กองทัพบก ยื่นฟ้องนายทักษิณ หมิ่นประมาท กรณีเมื่อวันที่ 19-20 พ.ค.2558  ซึ่งพบคำสัมภาษณ์ของนายทักษิณ จากประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและการยึดอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งกระทบถึง กองทัพบก

"คดีนี้กองทัพบก โจทก์ยื่นฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ศาลอาญา คดีดำเลขที่ 1824/2558   ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ค. ฐานความผิดคดีหมิ่นประมาท กระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112,326,328  โดยคดีความผิดตามมาตรา 326 และ 328 นั้นศาลได้รับฟ้องแล้วในวันที่ 18 ส.ค.2558 และ ศาลอาญาออกหมายจับนายทักษิณ เนื่องจากไม่มาศาลเมื่อวันที่ 12 ต.ค.2558 และจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว หากได้ตัวมาดำเนินคดีแล้วจะขอรื้อคดีขึ้นมาใหม่"แถลงการณ์ระบุ

นพ.วรงค์ ระบุตามแถลงการณ์อีกว่า ยังมีคดีที่เป็นความผิดร้ายแรง เพราะ นายทักษิณ ได้ถูกออกหมายจับ โดยตำรวจปอท. หมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท เลขที่ 114/59 หมายจับ มีอายุความ 15 ปี วันที่ 21 พ.ค.  2558 - 21  พ.ค. 2573 โดยอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้อง และนายทักษิณ มอบหมายให้ทนายความผู้รับมอบอำนาจ ยื่นของความเป็นธรรมต่อ อัยการสูงสุด โดยขอให้อัยการสูงสุด มีคำสั่งทบทวนความเห็นดังกล่าว เเละให้มีการสอบคำให้การพยานเพิ่มเติมอีก 4 ปาก ขณะนี้รออัยการสูงสุดสั่งการลงมา ซึ่งอัยการสูงสุดจะสั่งให้ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับสำนวนคดีดังกล่าวเป็นผู้พิจารณา ก่อนส่งความเห็นมาให้ อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งการต่อไป

 

"ดังนั้นเมื่อนายทักษิณได้เดินทางกลับมายังประเทศไทย และได้ถูกสั่งจำคุกไปแล้วจาก 3 คดี รวมโทษจำคุก 8 ปี คดีนี้เป็นคดีใหญ่ คดีสำคัญ เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติ เป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน จึงขอให้กองทัพบกและอัยการสูงสุดพิจารณาดำเนินการให้ชัดเจนโดยเร็ว" นพ.วรงค์ ระบุ 

 

นพ.วรงค์ ระบุอีกว่าส่วนการขอคัดค้านขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะราย เพราะจะเป็นการระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากนายทักษิณ ต้องคำพิพากษาให้จำคุกในคดีทุจริตคอรัปชั่นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  อีกทั้งมองว่าอาจเป็นการทำลายหลักนิติรัฐนิติธรรม เป็นแบบอย่างที่เลวร้ายต่อผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของประเทศ