“สาธิต” เชื่อ ปชป.ต้องเป็นฝ่ายค้าน เรียกเชื่อมั่นประชาชน

“สาธิต”  เชื่อ ปชป.ต้องเป็นฝ่ายค้าน เรียกเชื่อมั่นประชาชน

“สาธิต” ปัดแย่ง “หมอบัญญัติ” ลงเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง ระบุ เป็นผู้เสนอชื่อเข้าที่ประชุมกก.บห.เอง ลั่น ศึกนี้สำคัญ พิสูจน์อะไรบางอย่าง ย้ำจุดยืนส่วนตัว ปชป.ต้องเป็นฝ่ายค้านเพื่อเรียกความเชื่อมั่นประชาชน

เมื่อเวลา 11.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม สส. เขต 3 ระยอง ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 16 ส.ค. เพื่อพิจารณาและตัดสินว่าจะส่งใครเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม แต่ตนในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรค ดูแลภาคกลาง ได้เป็นผู้เสนอในที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาของพรรค โดยเสนอชื่อ นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ ให้เป็นตัวแทนพรรคลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม สส.ไปแล้ว ดังนั้น ต้องรอที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่าจะตัดสินอย่างไร   

นายสาธิต กล่าวว่า การส่งผู้สมัคร สส.แต่ละพรรคการเมือง มีขั้นตอนตามกฎหมายอยู่พอสมควร ได้แก่ การหยั่งเสียงในสาขาพรรคหรือตัวแทนจังหวัด จากนั้นตัวแทนจังหวัดจะสรุปความเห็นส่งมาที่คณะกรรมการสรรหาของพรรคให้พิจารณาเพื่อส่งไปยังคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งตนจะเสนอชื่อ นพ.บัญญัติ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ส่วนกรณีที่มีการเสนอข่าวกันไปว่าตนแย่งลงสมัคร สส.นั้น ไม่แน่ใจว่าข่าวที่ออกมาเกิดจากสื่อไปวิเคราะห์เองหรือไม่ ในสถานการณ์เช่นนี้ก็มีคนมาพูดเช่นกันว่าอยากให้ตนไปลงสมัคร แต่สำหรับตนต้องสอบถามจากผู้สมัครเดิมเสียก่อน ที่ผ่านมาได้พูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ควรมีคำว่าไปแย่งลง เพราะหากตนจะลงสมัคร สส.เอง สามารถเสนอชื่อตัวเองได้อยู่แล้ว ไม่ต้องไปเสนอชื่อ นพ.บัญญัติ 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้ประเมินหรือไม่ว่าพรรคอื่น จะส่งผู้สมัคร สส.ลงแข่งขัน นายสาธิต กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีความชัดเจน ต้องดูว่าแต่ละพรรคตัดสินอย่างไร ตนไม่แน่ใจว่าในทางการเมืองคิดอย่างไร เมื่อถามว่า ตามกระแสข่าวนอกจากมีชื่อนายสาธิตแล้ว ยังมีชื่อนายธารา ปิตุเตชะ ผู้สมัคร สส.ระยอง เขต 4 และนายทักษิณ ปิตุเตชะ ผู้สมัคร สส.ระยอง เขต 1 ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อม สส.ในครั้งนี้ด้วย นายสาธิต กล่าวว่า ในชั้นการหยั่งเสียง มีการนำชื่อผู้สมัครที่มีความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ แต่ละคุณสมบัติ โดยเฉพาะเป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งนายธาราเองเป็นอดีต สส.ในเขตดังกล่าวมาก่อน จึงเชื่อว่าคนที่อยู่ในพื้นที่น่าจะมีข้อมูลมากกว่า จึงเป็นข้อเสนอที่คิดว่าไม่ประมาทไว้ก่อน แต่อยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรคจะเลือกว่าจะเอาคนที่มีคุณสมบัติอย่างไรมาลง ถือว่าการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มีความสำคัญ เพราะจะเป็นการพิสูจน์อะไรบางอย่างเช่นกัน 

เมื่อถามว่า เหตุใดพรรคประชาธิปัตย์จึงใช้เวลานานในการคัดเลือก ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าจะมีการเลือกตั้งซ่อม นายสาธิต กล่าวว่า เข้าใจ แต่บังเอิญว่าสถานการณ์ขณะนี้มีการจัดตั้งรัฐบาล รวมถึงสถานการณ์ในพื้นที่เอง ดังนั้น จึงอาจจะทำให้ช้า แต่ยืนยันว่าทัน 19 ส.ค.นี้แน่ เมื่อถามย้ำว่า ไม่ใช่ว่ามีปัญหาความขัดแย้งอะไรในพรรคใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งมีอยู่ในทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะช่วงนี้อาจมีมากหน่อย เพราะมีเรื่องของการตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ทำให้เกิด 2 แนวคิดขึ้น โดยไม่มีใครผิด ใครถูก แนวคิดแรกคือ อยากเข้าร่วมรัฐบาล คนที่เป็น สส.ต้องการเป็นรัฐบาลเพื่อสร้างผลงาน กับอีกแนวคิดคือ อยากไปเป็นฝ่ายค้าน จะได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน และมีประชาชนหลายกลุ่มที่รู้สึกผิดหวังกับการเมือง หากมาสร้างพรรคการเมืองที่มีจุดยืนทางการเมืองที่ชัดเจน สามารถเป็นที่พึ่งหวังและเชื่อใจของประชาชนได้ ในอนาคตพรรคประชาธิปัตย์ก็น่าจะกลับมาเป็นพรรคที่ประชาชนเชื่อใจได้อีกครั้ง

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าสถานการณ์ขณะนี้ไม่น่าจะไปเป็นรัฐบาลหรือไม่ และจะเรียกว่าตกขบวนได้หรือยัง นายสาธิต กล่าวว่า ตนไม่สามารถพูดได้ เพราะอยู่ในวงนอก แต่เท่าที่ติดตามข่าวทราบว่ายังไม่นิ่งพอ จะนิ่งต่อเมื่อมีการประกาศตั้งรัฐบาลเสร็จแล้ว ซึ่งหวังกับคณะกรรมการบริหารพรรคที่มีอำนาจตัดสินใจ ในส่วนของตนชัดเจนว่าจะขอไปฟื้นฟูพรรค ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ เป็นพรรคการเมืองที่มีจุดยืนชัดเจน เสนอเป็นทางเลือกให้กับประชาชนได้อีกพรรคหนึ่ง 

  

เมื่อถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่า การจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล จะต้องเป็นมติพรรคใช่หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า แน่นอนที่สุด เพราะเป็นข้อบังคับพรรคและเป็นกฎหมายพรรคการเมือง ส่วนการเจรจากันวงในนั้น อันนั้นเอามาถ้าไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายมาจบที่การหารือตามข้อบังคับพรรค

 

เมื่อถามว่า ในขณะที่ภายในพรรคยังมีปัญหากันเองจะส่งผลต่อการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง หรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหา เพราะเราผ่านประสบการณ์มาหลายครั้งแล้ว ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันในส่วนกลางก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เวลาลงหาเสียงในพื้นที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของทุกคนในพรรค จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะเกิดขึ้นได้