'ก้าวไกล' งง 'วันนอร์' ปิดประชุมดื้อ ๆ 'โรม' ลั่นรู้อยู่โดนวิชามารทำสภาล่ม

'ก้าวไกล' งง 'วันนอร์' ปิดประชุมดื้อ ๆ 'โรม' ลั่นรู้อยู่โดนวิชามารทำสภาล่ม

'ก้าวไกล' งง 'วันนอร์' สั่งปิดประชุมสภาฯดื้อ ๆ ไม่เข้าใจเลื่อนหรือเลิกประชุม 'โรม' บอกรู้อยู่แล้วถูกวิชามารล่มประชุม ถามประเทศได้ประโยชน์อะไร ยันเสนอทบทวนโหวตนายกฯซ้ำเป็นญัตติถูกต้อง ชี้อำนาจสภาฯ ไม่ต้องรอศาล รธน. ลั่นทำเพื่อแคนดิเดตนายกฯทุกพรรค

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2566 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล พร้อม สส.พรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงข่าวภาหลังนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา (วันนอร์) ประธานรัฐสภา สั่งปิดการประชุมสภา ว่า สืบเนื่องจากการอภิปรายถกเถียงกันในสภาวันนี้และจบด้วยการที่ ประธานสภา สั่งปิดการประชุม ซึ่งก็ยังงงๆ อยู่ว่าเป็นการเลื่อนหรือยกเลิกการประชุม พรรคก้าวไกลยืนยันว่าญัตติที่ สส.พรรคก้าวไกลได้เสนอให้มีการทบทวนมติที่รัฐสภาเคยพิจารณาว่าการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นไปตามญัตติทั่วไปตามข้อบังคับที่ 41 เป็นญัตติที่ถูกต้อง วันนี้ประธานสภาควรเปิดให้มีการดำเนินการลงมติว่าสมาชิกรัฐสภาเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับญัตตินี้ซึ่งเป็นกระบวนการปกติที่ควรดำเนินไป เรื่องนี้ในฐานะที่พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายที่สนับสนุนให้นายวันมูหะมัดนอร์ ดำรงตำแหน่งประธานสภา เราก็มีข้อกังวลว่าการปิดสภาวันนี้อาจถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ว่าไม่สง่างาม อาจจะถูกมองได้ว่าเมื่อเห็นว่าเสียงสว.อาจจะไม่มากพอหรือไม่ ทำให้ไม่นำไปสู่การลงมติ หวังว่าการดำเนินการประชุมหลังจากนี้จะดีขึ้น 

\'ก้าวไกล\' งง \'วันนอร์\' ปิดประชุมดื้อ ๆ \'โรม\' ลั่นรู้อยู่โดนวิชามารทำสภาล่ม

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า การปิดประชุมสภาในวันนี้ทำให้ไม่สามารถดำเนินการประชุมใน 2 วาระสำคัญ คือ วาระการพิจารณาเลือกนายกฯ ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าการเลือกนายกฯ ของสภาสามารถดำเนินการไปต่อได้ โดยไม่จำเป็นต้องรอมติของศาลรัฐธรรมนูญ เรายืนยันว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจเต็มของรัฐสภา ต่อให้วันนี้สมาชิกส่วนใหญ่ของรัฐสภาอาจจะลงมติว่าให้เลื่อนวาระการเลือกนายกฯ ไปก่อน ก็ยังมีวาระที่สองก็คือวาระการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่พรรคก้าวไกลได้ยื่นเสนอไปคือการยกเลิกมาตรา 272 ซึ่งเรื่องนี้มีความสำคัญมากๆ เพราะในสถานการณ์ปัจจุบันที่การเลือกนายกฯ มีความไม่แน่นอนสูง และอาจยืดเยื้อออกไปได้ ดังนั้นการพิจารณาเพื่อปิดสวิตซ์สว.ตามร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เราเสนอไป ถ้ามันผ่านวาระ 1 ก็จะทำให้สถานการณ์การเลือกนายกฯ ไม่นำไปสู่ทางตัน หวังว่าการประชุมรัฐสภาครั้งต่อไป จะสามารถดำเนินการประชุมไปได้โดยเร็วที่สุดและปกติ 

นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า ในการประชุมครั้งหน้าเราก็ยังยืนยันว่าจะเสนอญัตตินี้อีก เพราะว่าตอนนี้ญัตติยังไม่ได้รับการพิจารณาและยังไม่ได้ตกไป ส่วนเรื่องมาตรา 272 เราเห็นว่าเรื่องนี้มีความสำคัญ พรรคก้าวไกลมองว่าเราไม่แน่ใจว่าสถานการณ์การเลือกนายกฯ จะยืดเยื้อไปถึงไหน อย่างน้อยวันนี้ก็ยืดเยื้อไปถึงกลางเดือน อีก 2 สัปดาห์อย่างเร็วที่สุดรัฐสภาจะได้พิจารณาอีก ถ้าวันนี้ได้มีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมให้ยกเลิกมาตรา 272 ของพรรคก้าวไกล และถ้าผ่านวาระที่ 1 เผลอๆ สิ้นเดือนนี้ก็ผ่านวาระที่ 3 ได้ ดังนั้นยืนยันว่าเรื่องนี้ยังมีความสำคัญต่อสถานการณ์อยู่และจะเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่จะทำให้การเมืองไม่เดินไปสู่ทางตัน

\'ก้าวไกล\' งง \'วันนอร์\' ปิดประชุมดื้อ ๆ \'โรม\' ลั่นรู้อยู่โดนวิชามารทำสภาล่ม

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกลยังคาดหวังว่าถ้าทุกอย่างถูกแก้ไข โอกาสที่จะได้กลับมาเป็นรัฐบาลยังมีอยู่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรายืนยันมาโดยตลอดไม่ว่าญัตติที่เสนอในวันนี้ หรือไม่ว่าการร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ไม่ได้ทำเพื่อแคนดิเดตพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง มันมีผลต่อแคนดิเดตจากทุกพรรค รวมถึงพรรคเพื่อไทยที่วันนี้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลด้วย เป็นการปลดล็อกหลาย ๆ อย่าง ทำให้ไม่จำเป็นต้องไปพลิกขั้วรัฐบาลได้ ไม่จำเป็นต้องถูกบีบให้ไปมีส่วนร่วมในการสืบทอดอำนาจของขั้วรัฐบาลเดิม เมื่อถามว่า 2 อาทิตย์ที่ต้องรอนี้อยากให้พรรคเพื่อไทยทบทวนหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย 

\'ก้าวไกล\' งง \'วันนอร์\' ปิดประชุมดื้อ ๆ \'โรม\' ลั่นรู้อยู่โดนวิชามารทำสภาล่ม

ส่วนนายรังสิมันต์ โรม กล่าวว่า วันนี้ สส.ของพรรคก้าวไกลมาพร้อมทำหน้าที่ ความตั้งใจของพวกเราคือยื่นญัตติเพื่อขอทบทวนการโหวตเลือกนายกฯ มันก็ปรากฏในรายละเอียดว่ามีนักวิชาการเข้าชื่อในแถลงการณ์ 115 คน มีผู้ตรวจการแผ่นดินยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ และทำให้การโหวตเลือกนายกฯ เลื่อนไปแล้วหลายครั้ง กระบวนการที่เป็นปัญหาเหล่านี้ ในความเป็นจริงมีทางออกโดยใช้กลไกของสภาได้ เราไม่มีความจำเป็นต้องไปพึ่งพาศาลรัฐธรรมนูญเลย กระบวนการภายในของพวกเรา เมื่อเราตัดสินใจอย่างไรไปแล้ว เราก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้ โดยใช้อำนาจของสภา สส.ของพรรคก้าวไกลได้เสนอญัตติและมีผู้รับรองถูกต้อง ความเป็นจริงแล้วประธานสภาต้องให้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ พวกเราไม่ได้มีเจตนาที่จะประวิงเวลาและใช้เวลาของสภามากเกินไป เราเตรียมอภิปรายเต็มที่ไม่กี่คน เพื่อนำไปสู่ข้อสรุปให้เร็วที่สุด และหวังว่าเมื่อสภามีมติไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่น มติของสภาให้มีการทบทวนและเลิกในผลที่เราได้เคยมีมติต่อไป เราก็จะได้ไม่ต้องมาเจอเงื่อนไขของการเลื่อนการประชุมต่อไป ซึ่งเราไม่รู้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยอย่างไรในอนาคต ความไม่แน่นอนตรงนี้สภาเราสามารถจัดการได้

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการเสนอของพรรคก้าวไกล ไม่ใช่ญัตติซ้ำอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ประธานสภาพยายามอธิบายในห้องประชุมว่าตามข้อบังคับที่ 151 มันมีหนึ่งในข้อความที่ระบุว่าการตีความนั้นจะต้องเป็นการตีความที่เด็ดขาด หมายความว่าเมื่อตีความไปแล้วจะมีผู้หนึ่งผู้ใดยกเรื่องเดิมมาอีกไม่ได้ มันจะต้องมีแนวการตีความในลักษณะแบบนั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าจะปิดกั้นไม่ให้ที่ประชุมของรัฐสภามีการทบทวนวินิจฉัยอีกครั้ง เรื่องนี้ตนก็พยายามเทียบเคียงกับองค์กรอื่นที่มีอำนาจเด็ดขาดลักษณะเดียวกันว่าถึงที่สุดเขาก็สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงได้อย่างกรณีของศาล ดังนั้นยืนยันว่าการเสนอเรื่องนี้เราสามารถเสนอได้อย่างแน่นอน และมีเพื่อนสมาชิกจากพรรคเพื่อไทยก็ช่วยยืนยันอีกเสียงหนึ่ง ทั้งหมดนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจและน่าเสียดายที่การประชุมของสภาต้องสิ้นสุดโดยไม่มีข้อยุติอะไรเลย ทั้งที่ในความเป็นจริง ถ้าประธานสภายอมให้เราพิจารณาเรื่องนี้ไปเต็มที่ก็สัก 1 ชั่วโมง ก็คงหาข้อสรุปกันได้ และเข้าสู่วาระถัดไปทั้งการเลือกนายกฯ มาตรา 272 ที่เป็นประตูทางออกของประเทศของเราซึ่งไม่ถูกนำมาพิจารณา

“วันนี้เราทราบแต่ต้นว่ามีความพยายามในการล้มการประชุม ถ้าไม่ได้นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อช่วยกระตุ้นก็คงไม่มีการแห่เข้ามาประชุม แต่ว่าการใช้วิชามารแบบนี้ คำถามสำคัญที่พี่น้องประชาชนช่วยกันตั้งคำถามได้ก็คือประเทศได้อะไรกับการที่เราปิดการประชุมแบบนี้” นายรังสิมันต์ กล่าว 

เมื่อถามอีกว่าหากคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการเสนอชื่อนายพิธา พรรคก้าวไกลจะดำเนินการอย่างไรต่อ  นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ถ้ามีคำวินิจฉัยแบบนั้นก็คงต้องมีการพูดคุยกันระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ อีกครั้งหนึ่งถ้าสถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงไป แต่ยืนยันว่าการที่เราเสนอญัตติในวันนี้เพราะเราเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ควรเป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะมาชี้ ควรจะเป็นอำนาจของรัฐสภาเองที่จะต้องมีมติ เมื่อมีมติไปแล้วก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้ายแรงว่าเป็นมติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตีความข้อบังคับให้มาใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่ ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดนี้คงไม่มีการเสนอญัตติให้ทบทวน ไม่ใช่อยู่ดีๆ อยากกลับมติไปมากันเล่นๆ เมื่อเป็นอย่างนี้

"เราเห็นว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะอยู่ในขอบเขตของอำนาจศาลรัฐธรรมนูญด้วย ดังนั้นจะทำอย่างไร เมื่อถูกมองว่าเรามีมติขัดรัฐธรรมนูญไปแล้ว ก็พยายามเสนอทางออกโดยใช้กลไกของรัฐสภาแก้ไขปัญหานี้ด้วยตนเอง โดยไม่พึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่าอันนี้เป็นสาระสำคัญ" นายชัยธวัช กล่าว