จุดยืน ม.112 ไล่ล่า‘เศรษฐา’ พท.เร่งเคลียร์เส้นทางนายกฯ

จุดยืน ม.112 ไล่ล่า‘เศรษฐา’ พท.เร่งเคลียร์เส้นทางนายกฯ

ต้องจับตาว่า “เศรษฐา”จะออกมาเปลี่ยนจุดยืนอย่างเป็นทางการในห้วงเวลาใด เนื่องจาก “อนุรักษนิยม - ขั้ว 188 เสียง - สว.” รอฟังคำตอบ ก่อนเข้าสู่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ อย่างใจจดใจจ่อ

นัดหมายประชุม 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ยังไม่เคาะวัน ทั้งที่มีกำหนดโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 ส.ค. เนื่องจากพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คิดจะวางเกมอย่างไรในการสลายขั้ว 312 เสียง เพื่อพลิกเกม พลิกขั้ว จับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคการเมืองต่างขั้ว

เป้าหมายของพรรคเพื่อไทย ต้องการสลัด พรรคก้าวไกล ออกจากพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยใช้ข้ออ้างจากการเจรจา 5 พรรคการเมือง และ สว. เพื่อขอเสียงโหวตเพิ่มเติม ซึ่งทุกพรรคไม่ขอร่วมงานกับพรรคก้าวไกล เนื่องจากมีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

แต่กลยุทธ์ “หน้าด้าน” ของพรรคก้าวไกล ไม่ยอมบอกเลิกพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะตกเป็นรองในเกมอำนาจ ภายหลังส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ปฏิบัติการสลายขั้ว 312 เสียง เป็นพรรคเพื่อไทยที่ต้องคิดหนัก

เพราะเคยสัญญาใจกันเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ร่วม “ขั้วประชาธิปไตย” ด้วยกัน โดยมีภารกิจส่ง “2 ลุง” กลับบ้าน โค่นล้มพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจเผด็จการ

ทว่ากลับเป็นพรรคเพื่อไทย ที่ทอดไมตรีไปยังพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่งเทียบเชิญหารือแนวทางแก้ไขปัญหาประเทศ แต่กลับถูกจับได้ไล่ทันว่า เชิญ “พรรค 2 ลุง” มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล

ละครหน้าฉากการเมืองของพรรคเพื่อไทย ยืมมือพรรคการเมืองคู่แข่ง ต้องการส่งสัญญาณให้พรรคก้าวไกลยอมถอนตัว แต่เมื่อพรรคก้าวไกลเกาะเอวแน่น อาจจะถึงเวลาที่พรรคเพื่อไทย ต้องบอกเลิกด้วยตัวเอง หากต้องการส่ง เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ให้ถึงฝั่งฝัน เก้าอี้นายกรัฐมนตรี

เนื่องจากความไม่ชัดเจนของพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับการสลายขั้ว 312 เสียง รวมถึงกระแสข่าว “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ผู้นำจิตวิญญาณ เดินทางไปพบ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชงสูตรจัดตั้งรัฐบาล “ไม่มีก้าวไกล ไม่มีลุง” พร้อมกับมีกระแสข่าวตามมาว่า 151 เสียงของพรรคก้าวไกล พร้อมเทเสียงโหวตให้ แต่จะฉากตัวไปเป็นฝ่ายค้าน

กลเกม “ไม่มีก้าวไกล ไม่มีลุง” สร้างความหวาดระแวงให้ ขั้วอนุรักษนิยม - สว. เพราะหาก “ทักษิณ” ตอบรับข้อเสนอของ “ธนาธร” สมการทางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงทันที เสียงโหวตจาก สว. จะไม่มีความหมาย

ส่งผลให้ สว.เริ่มออกมาเคลื่อนไหว ทิ่มตรงไปที่ “เศรษฐา” ซึ่งมีชนักติดหลังปม ม.112 ติดหลังอยู่ โดยเจ้าตัวเคยพูดผ่านสื่อออนไลน์ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีคำถามถึงการ “แก้ ม. 112” โดย “เศรษฐา”ตอบว่า “แก้ครับ แต่ไม่ใช่ยกเลิก” ซึ่งคลิปดังกล่าวถูกนำมารีรันปั่นกระแส เพื่อถามหาจุดยืนของ“เศรษฐา”ก่อนการเลือกตั้ง 

นอกจากนี้ ยังมีคลิป “เศรษฐา” ขึ้นปราศรัยบนเวที ระบุด้วยว่า “เราจะไม่เห็นความอยุติธรรมจากตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐภายใต้อำนาจการบริหารอีกต่อไป เราจะไม่เห็นการบังคับใช้ ม.112 เพื่อกลั่นแกล้งทางการเมือง เพราะเราไม่ให้คนตัวเล็กโดนกลั่นแกล้ง ถึงจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่คนก็เดือดร้อนมาก”

จะเห็นได้ชัดว่าจุดยืนของ “เศรษฐา” ก่อนการเลือกตั้งเกี่ยวกับ ม.112 ปักธงไปที่การแก้ไข ม.112 แม้จะไม่ลงลึกในรายละเอียด แต่ถือเป็นจุดยืนทางการเมืองที่สัญญาไว้กับประชาชน

แต่เมื่อสถานการณ์ทางการเมืองเปลี่ยนไป “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถูกโหวตคว่ำคารัฐสภา เมื่อวันที่ 13 ก.ค. ด้วยการหยิบยกจุดยืนแก้ไข ม.112 มาสาดโคลนถล่มใส่กัน

เมื่อถึงคิวของพรรคเพื่อไทยอยู่ในสถานะ “แกนนำจัดตั้งรัฐบาล” โดยมีความชัดเจนว่าจะเสนอชื่อ “เศรษฐา” เข้าสู่การโหวตในที่ประชุมร่วมรัฐสภา ผนวกกับเกมยืดเยื้อสลัดพรรคก้าวไกลไม่พ้น ส่งผลให้ สว. ออกมาแอคชั่นถามหาจุดยืน “เศรษฐา” ปม ม.112 ทันที

ทำให้มีกระแสข่าว “บิ๊กเนม” พรรคเพื่อไทยติดต่อสื่อมวลชนหลายสำนัก ให้ช่วยกระจายข่าวเกี่ยวกับจุดยืนของ “เศรษฐา” ปม ม.112 ที่เจ้าตัวเริ่มเปลี่ยนท่าที ตามที่ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 20 ก.ค.ว่า 

“การโหวตนายกฯ ครั้งต่อไป ก็ต้องคิดให้ดี ต้องเจรจาให้เหมาะสม และส่วนตัวยอมรับการแก้ ม.112 ถือเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญ หากพรรคเพื่อไทยมีโอกาสตั้งรัฐบาล และมีสิทธิเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ เข้าไปโหวต จะเป็นที่ชัดเจนว่า พรรคที่จะเสนอนายกฯ ครั้งต่อไป ต้องไม่มีเรื่องการแก้ไข หรือยกเลิกมาตรา 112 ไม่งั้นจะไม่ได้รับการสนับสนุนจาก สว.และจากหลายๆ พรรค”

นอกจากนี้ยังมี “สื่อค่ายแดง” นำคลิปบทสัมภาษณ์ดังกล่าวมาผลิตใหม่ เพื่อช่วยยืนยันจุดยืนของ “เศรษฐา” อีกแรง เพราะเงื่อนปมดังกล่าวอาจส่งผลกระทบอย่างหนัก เป็นด่านสกัดจาก สว.ไม่ให้ไปถึงฝัน

ถือเป็นการเคลียร์ข้อครหาทั้งของพรรคเพื่อไทย และเคลียร์ทางให้เศรษฐาที่กำลังเดินไปสู่เก้าอี้นายกฯ   

หลังจากนี้ ต้องจับตาว่า “เศรษฐา”จะออกมาเปลี่ยนจุดยืนอย่างเป็นทางการในห้วงเวลาใด เนื่องจาก “อนุรักษนิยม - ขั้ว 188 เสียง - สว.” รอฟังคำตอบ ก่อนเข้าสู่การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ อย่างใจจดใจจ่อ