ประวัติ ‘พี่ต้น’ อดีตผู้ต้องหาสู่บอดี้การ์ด ‘พิธา’ นั่ง กก.บริษัทเวชภัณฑ์

ประวัติ ‘พี่ต้น’ อดีตผู้ต้องหาสู่บอดี้การ์ด ‘พิธา’ นั่ง กก.บริษัทเวชภัณฑ์

พลิกประวัติ ‘พี่ต้น’ ศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี อดีตผู้ต้องหาก่ออาชญากรรมอุ้มเหยื่อรีดทรัพย์ ก่อนโดน ‘พล.ต.ต.สุพิศาล’ รองหัวหน้าพรรค ‘ก้าวไกล’ สมัยนั่ง ผบก.ป.จับกุมปี 54 ต่อมาปี 62 ทำงานบริษัท รปภ. ก่อนเข้ามาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัว ‘พิธา’

เวลานี้ไม่ใช่แค่ชื่อของ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่กำลังโด่งดัง

แต่ชื่อของ ‘ศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี’ หรือ ‘พี่ต้น’ ก็ขจรขจายไม่แพ้กัน ในฐานะ ‘บอดี้การ์ดส่วนตัว’ ให้กับ ‘พิธา’
    
เนื่องจากตามติด ‘พิธา’ เหมือนเงาตามตัว คอยดูแลอย่างใกล้ชิด เรียกได้ว่า ‘พิธา’ ไปที่ไหนต้องเจอ ‘พี่ต้น’ ที่นั่น แถมด้วยบุคลิกท่าทีไม่ได้แข็งกร้าว แตกต่างกับบอดี้การ์ดคนอื่น ๆ ทำให้บรรดา ‘ด้อมส้ม’ ให้ความนิยมชมชอบ ‘พี่ต้น’ ไม่น้อยไปกว่า ‘พิธา’ เลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี ‘พี่ต้น’ กำลังเผชิญวิบากกรรม หลังจากมีคนตาดีขุดคุ้ยประวัติส่วนตัว พบว่า ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน และเคยถูกจับ ฐานก่ออาชญากรรมร้ายแรง คดีกล่าวหาว่าเป็นตำรวจ ไปอุ้มทำร้ายร่างกายเหยื่อเมื่อปี 2554 หรือราว 12 ปีก่อนมาแล้ว

ประวัติส่วนตัว ‘ต้น’ หรือศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี เป็นชาวร้อยเอ็ด อายุปัจจุบันราว 39 ปี ก่อนหน้านี้ในปี 2554 เคยถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามจับกุมตัวพร้อมกับพวกรวม 3 คน โดย ‘ต้น’ อ้างว่าเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด ชื่อว่า ‘ผู้กองต้น’ ก่อเหตุอุ้มเจ้าของร้านขายของชำ ไปทำร้ายร่างกาย และปล้นทรัพย์ ทั้งสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาทจำนวน 1 เส้น, สร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท จำนวน 1 เส้น, แหวนทองคำ หนัก 1 บาท จำนวน 2 วง, เงินสด 60,000 บาท รวมทรัพย์สินจำนวน 276,800 บาท ก่อนปล่อยตัว และข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินให้อีก

โดยก่อนหน้านี้ 'พี่ต้น' เคยมีประวัติการต้องโทษ ที่ สน.คลองตัน ถูกจับกุมในคดีข้อหา ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมฯ โดยมีบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจ (ปลอม) ระบุชื่อ ร.ต.อ.ศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี ตำแหน่ง รองสว.อก.(ฝ่ายอำนวยการ 1) บก.ตปพ.(191) มาแล้ว

ประเด็นที่น่าสนใจคือ หัวหน้าชุดจับกุม ‘ต้น’ ในเวลานั้นคือ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ เมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ซึ่งปัจจุบัน พล.ต.ต.สุพิศาล คือหนึ่งในหัวหอก ‘ก้าวไกล’ นั่งเก้าอี้รองหัวหน้าพรรค และมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านมวลชน และการเมือง

ทำให้หลายคนเกิดความกังขาว่า ในเมื่อ พล.ต.ต.สุพิศาล มีตำแหน่งเป็นถึงรองหัวหน้าพรรค และเคยติดตาม ‘พิธา’ ไปทำงานด้วยกันหลายครั้ง เหตุใดจึงไม่สะกิด ‘เตือนนาย’ ว่า มีบอดี้การ์ดที่เคยเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุอาชญากรรมร้ายแรง และเคยถูกตัวเองจับกุมมาก่อน ย่อมรู้ตื้นลึกหนาบางข้อเท็จจริงในคดีเป็นอย่างดี

ในมุมธุรกิจ ‘พี่ต้น’ ศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี ปรากฏชื่อเป็นกรรมการบริษัทอย่างน้อย 1 แห่ง ได้แก่ 

บริษัท บลู91 โซลูชั่น จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 10 ส.ค. 2564 ทุนปัจจุบัน 5 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ 18/122 หมู่บ้าน โกลเด้นทาวน์ บางนา กิ่งแก้ว หมู่ที่ 14 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ประเภทธุรกิจที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ร้านขายปลีกสินค้าทางเภสัชภัณฑ์และเวชภัณฑ์

ปรากฏชื่อกรรมการดังนี้

  • นายภมรธนัธน์ อนันนวมินทร
  • นายสุชาติ โตสงคราม
  • นายศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี

นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2566

  • น.ส.สิริมาศ อนันนวมินทร ถือหุ้นใหญ่สุด 25,000 หุ้น มูลค่า 625,000 บาท คิดเป็น 50%
  • นายภมรธนัธน์ อนันนวมินทร ถือ 20,000 หุ้น มูลค่า 5 แสนบาท คิดเป็น 40%
  • นายพชร โสภานะ ถือ 5,000 หุ้น มูลค่า 125,000 บาท คิดเป็น 10%

นำส่งงบการเงินล่าสุดเมื่อปี 2565 มีสินทรัพย์รวม 1,226,568 บาท หนี้สินรวม 7,140 บาท ไม่มีรายได้ มีรายจ่ายรวม 7,000 บาท ขาดทุนสุทธิ 7,000 บาท

ทั้งหมดคือข้อมูลของ ‘ต้น’ ศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี บอดี้การ์ดของ ‘พิธา’ ที่พอจะสืบค้นได้ในขณะนี้

อย่างไรก็ดี ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ เลขาธิการพรรคก้าวไกล ได้มีคำสั่งให้นายศรีสุริเยน หยุดปฏิบัติหน้าที่บอดี้การ์ดของนายพิธาไปแล้ว จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน ระหว่างนี้ให้บอดี้การ์ดคนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทน

ขณะที่ พล.ต.ต.สุพิศาล เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า เมื่อปี 2554 ได้รับคำสั่งให้แถลงผลการจับกุมนายศรีสุริเยน พร้อมพวกรวม 3 คน ก่อเหตุอุ้มเจ้าของร้านชำไปทำร้ายร่างกายพร้อมปล้นทรัพย์ ได้ทรัพย์สินไปกว่า 3 แสนบาท คดีดังกล่าวศาลพิพากษาจำคุก 12 ปี แต่ได้รับการลดหย่อนโทษ และถูกปล่อยตัวเมื่อปี 2560 หลังจากนั้นมีการเปลี่ยนชื่ออยู่หลายครั้ง ต่อมาปี 2562 เข้าทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัย ส่วนการเข้ามาทำงานเป็นบอดี้การ์ดของนายพิธา ยืนยันว่าหัวหน้าพรรคไม่รู้มาก่อน เนื่องจากบริษัทรักษาความปลอดภัยเป็นผู้จัดสรรคนมาให้ และยังไม่ได้พบนายต้นอย่างจริงจัง เห็นเพียงผ่าน ๆ

พล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนายพิธาในระดับหนึ่ง แต่ในมุมมองตัวเองและคนในพรรคมองว่าทุกคนควรได้รับโอกาส ไม่ว่าจะยากดีมีจน หรือแม้แต่นักโทษ และเวลานี้นายศรีสุริเยน ได้รับโทษตามกฎหมายไปแล้ว ควรให้โอกาสเขาในการทำงาน เรื่องของความเท่าเทียมเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรคที่ให้ความสำคัญ โดยขณะนี้อยู่ที่นายพิธาแล้วว่าจะตัดสินใจจ้างต่อนายต้นหรือไม่