อดีต ส.ส.ร.ยื่น ป.ป.ช.สอบ 395 เสียง ส.ส.-ส.ว.ตีตกชื่อ ‘พิธา’ อ้างญัตติซ้ำ

อดีต ส.ส.ร.ยื่น ป.ป.ช.สอบ 395 เสียง ส.ส.-ส.ว.ตีตกชื่อ ‘พิธา’ อ้างญัตติซ้ำ

‘เศวต’ อดีต ส.ส.ร.ปี 50 ยื่น ป.ป.ช.สอบ 395 เสียง ส.ส.-ส.ว.ข้างมาก อ้างชงชื่อ ‘พิธา’ นายกฯเป็นญัตติซ้ำ เข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ซัด ‘โทนี่’ ไม่เข็ด ถ้า ‘เพื่อไทย’ ย้ายขั้ว เจอยื่นเอาผิดฐแน่ หนุน ‘ก้าวไกล’ แก้ ม.112 ลั่นไม่มีการจาบจ้วง กระทุ้ง ส.ว.กลับใจยกมือให้เสียงข้างมาก

เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2566 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายเศวต ทินกูล อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2550 เดินทางมายื่นหนังสือถึง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบมติที่ประชุมร่วมรัฐสภา กรณีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นญัตติซ้ำ ขัดข้อบังคับประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 โดยมีสมาชิกรัฐสภาเห็นชอบทั้งหมด 395 คน รวมถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ที่รู้เห็นเป็นใจให้กระทำการดังกล่าว เข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยมีนายพิศิษฐ์ พัฒนกิจจำรูญ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ เป็นผู้รับเอกสาร

นายเศวต กล่าวว่า การประชุมรัฐสภาเพื่อให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่กลับบิดเบือนโดยทุจริตต่อหน้าที่รู้เห็นเป็นใจ เห็นชอบว่าเป็นญัตติซ้ำ ขัดต่อข้อบังคับมาตรา 41 ดังนั้นการเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องทำตามกฎหมายอย่างละเอียดรอบคอบ ตั้งแต่ รัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในมาตรา 159 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 272 และ ประกอบด้วยข้อบังคับการประชุมรัฐสภา หมวด 9 ที่บัญญัติไว้เป็นการเฉพาะในการเลือกนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อ ส.ส.และ ส.ว.มีเจตนาจงใจไม่ทำตามกฎหมาย ก็มีความผิดตามกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 4  เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทุจริตต่อหน้าที่มีบทลงโทษจำคุก 

“หัวหงอกทั้งหลายผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหลายไม่รอบคอบ ในการดำเนินการเจตนาจงใจ ที่จะกระทำการทุจริตท่านต้องได้นับผลแห่งการกระทำนั้น” นายเศวต กล่าว

นอกจากนี้นายเสวต ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในปัจจุบันว่า ฝากถึงพรรคเพื่อโทนี่ ถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่าไม่สำเหนียกอีกหรือตั้งแต่ปี 2549 ที่ไม่ว่าจะเอาใครเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ไม่มีใครรอด มีแต่เรื่องที่จะติดคุก มาถึงวันนี้ลุงตู่ (พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี) จัดหนักให้แล้ว ยังจะเอาลูกสาวมา จึงอยากเตือนนายโทนี่หากพลิกขั้วย้ายข้าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ไปพูดอะไรกับประชาชนไว้ ว่าจะไม่ร่วมกับคนนั้นคนนี้ นี่คือการโฆษณาเพื่อการหลอกลวงประชาชน ผิดกฎหมายคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถ้าไม่เชื่อที่เตือน จะจัดหนัก และติดคุก ถ้าไม่อยากติดคุก ก็ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ ฝากถึงนายโทนี่ว่ายังไม่เข็ดอีกหรือ ตนเคยจัดหนักยุบพรรคไทยรักไทยมาแล้ว ถ้าจะเอาอีกก็ย้ายขั้วสลับข้างเลย จะได้รู้ว่านรกมีจริงเป็นอย่างไร
    
“ฝากบอกพรรคก้าวไกลและด้อมส้ม อย่าถอยเรื่องอุดมการณ์ แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เพื่อเห็นแก่ลาภยศสรรเสริญ จะมาจัดหนักยุบพรรคก้าวไกลอีก เพราะไม่ทำตามที่พูดไว้กับประชาชน ฉะนั้นต้องทำงานการเมืองเป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชน” นายเสวต กล่าว

  • หนุน ‘ก้าวไกล’ แก้ ม.112 ยันไม่มีการจาบจ้วง

นายเศวต กล่าวอีกว่า ขณะนี้มีกระบวนการอั้งยี่ซ่องโจรเกิดขึ้นแล้ว หรือพวกมือมองไม่เห็น จะปกปิดการกระทำเพื่อเอาอำนาจ อธิปไตยอำนาจรัฐเพื่อปกครองประเทศ โดยวิธีการแจกกล้วยบ้าง ไลน์หลุดบ้าง จึงฝากด้อมส้มให้ช่วยขุดมา แล้วจะรวบรวมพยานหลักฐาน จัดการพวกอั้งยี่ซ่องโจร พวกกบฏแห่งชาติ ทำแบบนี้น่าเบื่อหน่าย อายชาวโลก อายชาวไทยประชาชนเดือดร้อน จากการกระทำพวกบ้าอำนาจ นอกจากนี้ จะจัดการพวกที่โหนสถาบันฯ ตนจะปกป้องสถาบันฯสุดชีวิต และจะจัดการกับพวกบ้าอำนาจอั้งยี่ซ่องโจร กระทำการ บ่อนทำลายชาติ

“จะเป็นอะไรหนักหนากับการแก้ม.112 แค่เสนอกฎหมายเป็นเรื่องปกติมาก ดีซะอีก อยากฟังว่าจะพูดอะไร สุดท้ายก็เป็นอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ส.ส.และ ส.ว.ก็ยกมืออภิปรายไป ไม่ได้จาบจ้วงล่วงละเมิดอะไร สมัยนี้เป็นสมัย 5G แล้ว โลกไปถึงไหน ผมยังกาให้ก้าวไกลเลย เห็นว่าถ้าจาบจ้วงจริงก็ไม่เอา ไม่ใช่ว่าคนที่ไปกาก้าวไกลแล้วจะไม่เอาสถาบันฯ คนละเรื่องกันพวกนี้มันชอบโหน และพวกนี้แหละที่บ่อนทำลายชาติตัวจริง และฝากถึงสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พวกอั้งยี่ซ่องโจร ผมจะกระชากหน้ากากและจัดการ” นายเศวต กล่าว

  • กระทุ้ง ส.ว.กลับใจยกมือให้ฝ่ายเสียงข้างมาก

นายเศวต กล่าวด้วยว่า ฝากถึง ส.ว.ว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดจริง แต่เราปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นายมีชัย ฤชุพันธุ์ เขียนรัฐธรรมนูญไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นลัทธิรัฐธรรมนูญและเป็นประชาธิปไตยเผด็จการ ระบบเผด็จการชัดๆ ในเมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นคนเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนตั้ง ส.ว. เขียนว่า ส.ว.ใช้อำนาจอธิปไตยของประชาชน ทั้งๆที่ตั้งมากับมือ แล้วจะมาอ้างอำนาจอธิปไตยอะไร เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง เมื่อเผด็จการตั้งก็ต้องรับใช้เผด็จการ

“ไม่ต้องไปยุ่งกับ ส.ว. ปล่อย พล.อ.ประยุทธ์ให้รักษาการไป เวลาจะซื้อกระดาษทิชชูสักมวน ก็ไปขออนุญาต กกต. อยู่ไปเรื่อยๆ พวกนี้เห็นแก่ประเทศชาติบ้านเมืองไหม แล้วประชาชนจะอยู่ยังไง รู้ไหม ส.ว.ทำอะไรกับประเทศนี้ ส.ว.ก็ถูกทัวร์ลงทุกวัน ก็อยู่แบบนี้ไป” นายเศวต กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทยต้องไปขอเสียง ส.ว.มา สนับสนุนให้ได้ 375 เสียงนั้น นายเศวต กล่าวว่า เปลี่ยนแปลงความคิดเปลี่ยนแปลงโลก ส.ว.ไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำ โลกนี้ไม่มีหรอกให้ ส.ว.ไปยกมือตั้งรัฐบาล แต่เมื่อเขียนลงไปในรัฐธรรมนูญปีศาจแล้ว เพราะฉะนั้นต้องกลับอกกลับใจ เห็นแก่ชาติบ้านเมือง มายกมือให้กับฝ่ายที่มีเสียงข้างมาก