มุมมอง สว.ประภาศรี จากมติเสนอ พิธา ซ้ำไม่ได้ ชี้ หลักการ รธน.ถูกทำลายไปเเล้ว

มุมมอง สว.ประภาศรี จากมติเสนอ พิธา ซ้ำไม่ได้ ชี้ หลักการ รธน.ถูกทำลายไปเเล้ว

มุมมอง สว.ประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา ที่ได้โพสต์เฟซบุ๊กหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภา โหวตนายกรัฐมนตรี รอบ 2 โดยมติไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลซ้ำได้

สว.ประภาศรี สุฉันทบุตร สมาชิกวุฒิสภา โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวหลังเสร็จสิ้นการประชุมสภา โหวตนายกฯ รอบ 2 ซึ่งที่ประชุมรัฐสภาลงมติ ไม่สามารถเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลซ้ำได้ เนื่องจากขัดกับข้อบังคับการประชุมข้อ 41 ชี้ สำหรับตนเองนั้น "หลักการของรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศได้ถูกทำลายไปเเล้ว"

ข้อความของ สว.ประภาศรี ระบุว่า คงทราบข่าวเเล้วนะคะว่า เสียงส่วนใหญ่ในสภามีมติไม่ให้เสนอคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำเป็นครั้งที่สอง

ตามที่ดิฉันได้เเจ้งว่า คุณพิธาถูกตัดสิทธิ์การเป็น สส.ก็จริง เเต่จะไม่ถูกตัดสิทธิ์การถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี

หลังจากนั้น สมาชิกรัฐสภาได้ร่วมกันอภิปราย ฝ่ายที่ไม่ต้องการให้เสนอชื่อคุณพิธาเป็นครั้งที่สองมีเหตุผลว่าญัตติใดๆที่เคยเสนอเเล้วจะนำมาเสนออีกไม่ได้ในวาระสมัยประชุมเดียวกัน ตามข้อบังคับการประชุมข้อ 41 ของการประชุมสภา

เเต่ฝ่ายที่เห็นว่าสามารถนำชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ มาเสนอใหม่ได้ มีเหตุผลว่าการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ญัตติทั่วไป แต่เป็นกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 โดยรัฐธรรมนูญไม่ได้ระบุว่าไม่ให้เสนอชื่อซ้ำ เพราะข้อบังคับของการประชุมสภาจะเหนือกว่ากระบวนการตามมาตราของรัฐธรรมนูญไม่ได้

เเต่เมื่อมีการอภิปรายถกเถียงกันใช้เวลาถึง 8 ชั่วโมง จึงมีการลงมติ ผลการลงมติคือฝ่ายที่เห็นว่าเสนอคุณพิธาอีกครั้งไม่ได้ เป็นฝ่ายชนะด้วยคะเเนน 
394 ต่อ 312 เป็นอันว่าไม่สามารถนำชื่อคุณพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก

สำหรับดิฉันเห็นว่า ถึงเสนอคุณพิธาซ้ำอีกก็คะเเนนไม่ถึงอยู่ดี เเต่เราต้องยึดหลักการเพื่อเป็นบรรทัดฐานต่อไป ถ้าไม่ยึดข้อกฎหมายของรัฐธรรมนูญ เเล้วเราจะยึดกฎหมายใดในการบริหารประเทศ

ตัวดิฉันเองได้ลงมติ ว่าสามารถนำชื่อคุณพิธามาเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 คือนำมาเสนอซ้ำได้ ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานสำหรับสภาผู้เเทนราษฎรชุดต่อๆไป 

เมื่อตอนนั้นไม่มี สว.ชุดนี้เเล้ว จะมีผลอย่างมากสำหรับ สส. เพราะหากใช้ระเบียบนี้จริงๆ สส.ทั้งหมด ไม่ว่าะเป็น สส.ฝ่ายค้านหรือรัฐบาลในอนาคตจะเสนอคนของตัวเองได้เพียงครั้งเดียว เเม้ว่าคนของตัวเองจะมีความสามารถเเละมีคุณภาพขนาดไหนก็ตาม หรือเเม้เเต่หาคะเเนนเพิ่มได้ ก็นำเสนอเข้ามาไม่ได้อีก 

สมาชิกวุฒิสภาที่ลงมติเหมือนดิฉันมีเพียง 8 คน เมื่อรวมกับสมาชิกสภา
ผู้เเทนราษฎรที่เห็นว่าสามารถนำเสนอใหม่ได้ รวมเเล้ว 312 คน ซึ่งเเพ้เสียงข้างมากค่ะ

ต่อจากนี้ก็เป็นการนำเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ซึ่งไม่ทราบว่าจะเป็นพรรคไหนเป็นผู้เสนอ เเล้วจะได้หรือไม่ได้ก็ไม่สามารถเสนอบุคคลนั้นได้ซ้ำอีก

สำหรับดิฉัน หลักการของรัฐธรรมนูญที่เป็นกฏหมายสูงสุดของประเทศในมาตรานี้ได้ถูกทำลายไปเเล้วค่ะ