‘การเมือง’ไร้ทิศทาง ดับฝันอนาคตประเทศ

‘การเมือง’ไร้ทิศทาง  ดับฝันอนาคตประเทศ

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ก็อาจยังมีความคลุมเครือ ทำให้วันนี้ภาคเอกชน นักลงทุนกำลังทำแผนรองรับความเสี่ยง เพื่อรับมือความไม่แน่นอน

ความไม่ชัดเจนของการเมืองไทย กระบวนการโหวตนายกรัฐมนตรีที่ซับซ้อน พอๆ กับทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลที่มองไม่เห็นเป็นรูปธรรม กำลังเป็นอุปสรรคใหญ่ของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

นักลงทุนต่างชะลอการตัดสินใจ เพื่อรอดูการจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายของพรรคแกนนำ ที่จะส่งผลโดยภาพรวมในเชิงยุทธศาสตร์ประเทศนับจากนี้

หนทางที่จะได้นายกรัฐมนตรีมาบริหารบ้านเมือง ช่างดูยากเย็นเสียเหลือเกิน เส้นทางยังดูยาวไกล ทั้งยังไม่รู้ว่าบทสรุปจะแฮปปี้เอ็นดิ้ง หรือจะสร้างความหดหู่ รันทดหนักขึ้นกว่าเดิม

ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมที่ซบเซาต่อเนื่อง ทั้งจากภาคส่งออกที่ประเทศคู่ค้าหลักทั้งสหรัฐอเมริกา อียู รวมถึงประเทศจีน เศรษฐกิจกำลังทรุดตัว มีความน่าเป็นห่วง

การว่างงานสูงกระทบคำสั่งซื้อ การท่องเที่ยวแม้จะเป็นเครื่องยนต์หลักก็ไม่ได้ฟื้นตัวดีมากอย่างที่คาด เป็นปัจจัยทำให้การบริโภคจับจ่ายใช้สอยช่วงนี้เงียบเหงา ส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นและบรรยากาศต่อการลงทุน

การเมืองไม่ชัดเจน คาดการณ์นโยบายที่จะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่ากลุ่มไหน ขั้วไหนจะเข้ามานั่งบริหาร การเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการใช้งบประมาณก็มีข้อจำกัด ข้าราชการหน่วยงานรัฐก็เกียร์ว่างรอรัฐบาลตัวจริง 

ทุกอย่างในประเทศนี้กำลังรอเพลง “รอ” รอรัฐบาลใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ยิ่งยืดเยื้อ ประเทศยิ่งเสียโอกาสเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังยังมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญอีกมาก

ความไม่แน่นอนในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ส่งผลกระทบทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนทุกอย่าง การส่งออกไทยถึงวันนี้ยังติดลบแม้จะมีความหวังลมๆ แล้งๆ ว่าปลายปีจะกลับมาเป็นบวกก็ตาม

ปัจจัยที่เป็นตัวฉุดสำคัญ คือ การเบิกจ่ายงบประมาณที่ล่าช้า ระบบภาครัฐติดขัด เพราะไม่มีรัฐบาลใหม่เข้ามาดำเนินการ ปัจจัยผลกระทบเหล่านี้กระทบไปยังภาคเอกชน เอกชนชะลอลงทุน ชะลอการตัดสินใจ

ปัจจัยสำคัญที่สุด ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยช่วงที่เหลือของปีนี้ คือ ความไม่แน่นอนทางการเมือง การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ไม่มีความชัดเจน

หากยังไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ สถานการณ์ลากยาว บานปลาย ยืดเยื้อออกไป จะยิ่งทำให้ตลาดขาดความมั่นใจ

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ก็อาจยังมีความคลุมเครือ ทำให้วันนี้ภาคเอกชน นักลงทุนกำลังทำแผนรองรับความเสี่ยง เพื่อรับมือความไม่แน่นอน และมองไกลไปถึงหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ธุรกิจจะเดินต่ออย่างไร

แม้ที่ผ่านมาผู้ประกอบการ รวมถึงนักลงทุนส่วนใหญ่ จะเรียนรู้ และมีประสบการณ์ เผชิญวิกฤติในไทยมานักต่อนัก แต่ถ้าเลือกได้ก็คงไม่อยากให้เกิดวิกฤติซ้ำขึ้นอีก อย่าให้การเมืองที่ไร้ทิศทาง ดับฝันอนาคตประเทศ