"ส.ว." ประเดิมฟ้อง "ทนายเดชา-ทนายอั๋น" -จ่อเอาผิด "เกรียนโซเชียล"ทุกคน

"ส.ว." ประเดิมฟ้อง "ทนายเดชา-ทนายอั๋น" -จ่อเอาผิด "เกรียนโซเชียล"ทุกคน

"ส.ว." รวมตัวฟ้อง เกรียนคีย์บอร์ด คุกคาม ข่มขู่ ด้าน "เสรี" ลุยฟ้อง "ทนายเดชา-ทนายอั๋น" เรียกค่าเสียหายรายละ 5แสนบาท ย้ำเสรีภาพแสดงความเห็นต้องไม่คุกคาม-ข่มขู่คนอื่น

เมื่อเวลา 11.00 น. กลุ่ม ส.ว. อาทิ  นายสมชาย แสวงการ , นายเสรี สุวรรณภานนท์ , นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ, นายออน กาจกระโทก, นายจเด็จ อินสว่าง, น.ส.ปิยฉัฏฐ์ วันเฉลิม, นายวิวรรธน์ แสงสุริยะฉัตร แถลงต่อสื่อมวลชนต่อกรณีการยื่นเรื่องฟ้องร้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งกับบุคคลที่โพสต์ข้อความหมิ่นประมาท กระทบต่อธุรกิจของครอบครัว และเครือญาติ จนได้รับความเสียหาย หลังจากที่วุฒิสภาส่วนใหญ่โหวตไม่เห็นชอบและงดออกเสียงให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ฐานะแคนดิเดตนายกฯ  เป็นนายกฯ เมื่อ 13 กรกฏาคม ที่ผ่านมา

 

 

นายเสรี กล่าวว่า ส.ว.ไม่ทนกับพฤติกรรมที่เลวร้าย ทำลายชาติ ทำลายสังคม วิถีชีวิตที่ดีงามของคนไทย ซึ่งการโหวตนายกฯ นั้นเป็นกระบวนการของรัฐสภา แต่ภายหลังการลงมติแล้วพบว่าเกิดปรากฎการณ์ที่ไม่ควรเกิด มีส.ว. ส.ส.  ถูกข่มขู่ คุกคาม ด้วยความโกรธ ความเกลียดชัง ซึ่งมีส.ว.ถูกกระทบสิทธิส่วนบุคคล และคนในครอบคร้วได้รบผลกระทบ ทั้งนี้เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (17 กรกฏาคม) ตนให้นายยื่นฟ้อง นายดชา กิตติวิทยานันท์  หรือ ทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์  กรณีไลฟ์ผ่านช่องติ๊กต๊อกด่าทอตนให้เกิดความเสียหาย และเข้าข่ายหมิ่นประมาท และ นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ ในกรณีเดียวกันและฟ้องเรียกค่าเสียหายรายละ 5แสนบาท

“ต่อไปจะดำเนินคดีกับคนที่กล่าวให้ร้ายผ่านทางโซเชียลทุกคน ทั้งผิดอาญาและผิดทางแพ่ง เพื่อให้รู้ว่าการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นต้องไม่กระทบหรือทำให้บุคคลอื่นเสียหาย สำหรับผมที่โดนโจมตีเรื่องตลาดเสรี นั้นผมมองว่าคนพวกนี้โง่ ฉลาดน้อย  เพราะแม่ค้าในตลาดเป็นคนที่เลือกพรรคก้าวไกล แต่พอเขาทำแบบนั้น แม่ค้าเสียหาย หรือกรณีของนายวิวรรธน์ ทายาทหมอเส็ง ที่ถูกโจมตี คนงานเกินครึ่งเลือกพรรคก้าวไกล ดังนั้นคุณกำลังทำร้ายเขา เอาเรื่องการเมืองไปกระทบชีวิตประชาชน คนค้าขาย คนที่ไปใช้บริการ คนพวกนี้หวังแต่จะสร้างมวลชนเพื่อผลักให้ตัวเองเป็นนายกฯ  โดยไม่คำนึงว่าใครจะได้รับความเดือดร้อน” นายเสรี กล่าว

 

 

ขณะที่นายสมชาย กล่าวว่า มีส.ว.ส่วนใหญ่ ที่รวบรวมหลักฐานเพื่อฟ้องร้องกับบุคคลที่ใส่ร้ายหรือโจมตี ทำให้เกิดความเสียหาย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมและเตรียมฟ้องร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้การคุกคามที่เกิดขึ้น พบว่ามีลูกส.ว.บางคน ได้รับข้อความข่มขู่ว่าจะข่มขืน ทั้งร่างกายและจิตใจ ถือเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างมาก  ขณะเดียวกันยังพบการใช้ AI เผยแพร่ข้อความจำนวนมากหลังการโหวตเมื่อ 13 กรกฏาคม ซึ่งเปนกลไกของบางพรรคการเมืองที่มุ่งโจมตี  ซึ่งยืนยันว่าคนที่ทำแบบนั้น 100% ต้องโดนทุกคน ไม่ต้องมาขอขมา เพราะเป็นราคาแพงที่ต้องจ่าย ฐานะที่คุกคามและสร้างภัยให้กับคนอื่น

“ถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนแปลงสังคมใหม่ การใช้สิทธิเรีภาพเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ใช่เสรีภาพที่จะคุกคาม ข่มขู่ ผู้ที่เห็นต่าง” นายสมชาย กล่าว

 

 

ขณะที่นายวิวรรธน์ กล่าวว่าธุรกิจยาสมุนไพรหมอเส็ง ซึ่งเป็นของบิดา แม้ตนจะไม่ได้เกี่ยวข้องเพราะมีอาชีพเป็นทนายความ แต่ได้บอกกับผู้ที่ดูแลธุรกิจว่าให้แคปข้อความที่สร้างความเสียหายผ่านเพจเฟซบุ๊คหมอเส็ง และจะพิจารณาฟ้องร้องทั้งคดีอาญาและคดีแพ่ง อย่างไรก็ดีในตระกูลของตนที่เป็นคนจีนโพ้นทะเล ถือว่าต้นตระกูลเป็นคนต่างด้าว ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ด้วยพระบารมีของเจ้าแผ่นดิน ทำให้สามารถทำธุรกิจด้านสมุนไพรได้ ดังนั้นสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่ตนเทิดทูล ดังนั้นจะไม่ยอมให้พรรคการเมืองใดทำร้ายสถาบัน ตนไม่กลัวทัวร์ลง เพราะตนรักสถาาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าใครจะทำลายต้องฆ่าตนไปก่อน