สูตรข้ามขั้ว ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ ‘พปชร.-รทสช.’ ชิงพรรคร่วม

“คีย์แมน” หลังฉาก พปชร.และรทสช. ต่างพุ่งตรงไปที่ “เพื่อไทย” จึงเหลือเพียง “ทักษิณ-เพื่อไทย”จะเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล เป็นตัวเลือกแรก
เมื่อ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เดินไปไม่ถึงฝั่งฝัน ภายหลังที่ประชุมร่วมรัฐสภา มีมติโหวตคว่ำด้วยคะแนน เห็นชอบ 324 เสียง ไม่เห็นชอบ 182 เสียง และงดออกเสียง 199 เสียง โดยได้คะแนนเห็นชอบไม่เกิน 375 เสียง จึงไม่สามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
ก้าวต่อไปของ “พิธา-ก้าวไกล” จะหารือกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล จะเดินหน้าต่ออย่างไร จะดันต่อด้วยการเสนอชื่อ “พิธา” ให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตอีกรอบหรือไม่
เนื่องจาก “ขั้ว 188 เสียง” พยายามงัดข้อบังคับการประชุมเกี่ยวกับญัตติการประชุม หากโดนที่ประชุมตีตกไปแล้ว ไม่สามารถนำกลับมาพิจารณาใหม่ได้ ดังนั้น 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ต้องประเมินสถานการณ์กันอีกครั้ง
ที่สำคัญต้องจับตาท่าทีของพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรคการเมืองอันดับสอง จะเปลี่ยนเกมทันทีหรือไม่ เพราะมีความชอบธรรมในการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ในฐานะพรรคอันดับ 2 โดยเฉพาะการจับมือกับ 8 พรรค ด้วยการยึด 312 เสียง เอาไว้
ในทางลึกมีการพูดถึง สูตร“เพื่อไทย”จับมือกับ“ก้าวไกล”ไปต่อ โดยอยู่ร่วมรัฐบาล ยึดขั้ว 312 เสียงเอาไว้ ภายใต้โจทย์เดิม เพิ่มเติมคือต้องหาเสียงสนับสนุนจาก 250 ส.ว.ให้ได้อย่างน้อย 64 เสียง
โดยมีกระแสข่าวว่า “2 ส.” เดินสายปฏิบัติการพิเศษ เปิดดีล ส.ว.เอาไว้แล้ว โดยเคลมตัวเลขจำนวน ส.ส.ในมืออยู่ที่ 30 เสียง ขาดอีก 34 เสียง แต่โจทย์ ส.ว.คือไม่ต้องการให้ก้าวไกล อยู่ร่วมขั้วรัฐบาล
ดังนั้น หากยังเล่นบทพระเอกอุ้มก้าวไกลต่อไป คงยากที่ ส.ว.จะโหวตให้ มิหนำซ้ำ เพื่อไทยอาจโดนโจมตีว่า สมรู้ร่วมคิดกับก้าวไกลในการแก้ไขมาตรา 112 ด้วย ดังนั้นเกมต่อไป จึงต้องคิดอย่างรอบคอบ
เพราะอีกด้านหนึ่งหาก “เพื่อไทย” สลัด “ก้าวไกล” ทิ้ง แต้มการเมืองจะลดลงทันที ซึ่งจะส่งผลกระทบในระยะยาว แม้ “บิ๊กเนมบางคน” จะประเมินว่าเพื่อไทยสามารถกอบกู้คะแนนนิยมกลับมาได้ โดยมั่นใจว่าจะสามารถโชว์ผลงาน พลิกฟื้นเศรษฐกิจกลับมาได้ ซึ่งจะทำให้ประชาชนลืมความผิดพลาดในอดีต
ฉะนั้นสูตร “เพื่อไทย-ก้าวไกล” จึงต้องวัดใจ ทักษิณ ชินวัตร ว่าจะกำหนดทิศทางให้ลูกพรรคเดินไปทางไหน เพราะเดิมพันกลับบ้านของ “ทักษิณ” เอง ก็ขึ้นอยู่กับการจัดตั้งรัฐบาล
ในอีกด้าน หากเลือกสูตร “เพื่อไทย” พลิกขั้วจับมือกับ “ 188 เสียง" จะทำให้มีเสียงถึง 329 เสียง ต้องการเสียง ส.ว. เพียง 49 เสียง จะได้เกิน 376 เสียง ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากเงื่อนไขของ ส.ว. ถูกปลดล็อกออกไปแล้ว คือไม่มี “ก้าวไกล” อยู่ในสมการจัดตั้งรัฐบาล
สูตรข้ามขั้้วนี้ เพื่อไทยก็ไม่จำเป็นต้องจับมือกับทุกพรรคใน 188 เสียง เพราะหากรวมเสียงได้มากถึง 329 ย่อมส่งผลกระทบต่อโควตารัฐมนตรี ดังนั้นจึงต้องจับตาว่า จะมีพรรคใดเป็นส่วนเกิน ต้องถูกดีดออกจากสมการรัฐบาลข้ามขั้ว
แนวโน้ม การพลิกเกมเปลี่ยนสูตรรัฐบาลที่ว่า ทำให้เริ่มมีกระแสข่าวเกิดศึกในพรรคพลังประชารัฐ 40 เสียง ชนกับพรรครวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง เพื่อช่วงชิงโอกาสในการเข้าร่วม"รัฐบาลเพื่อไทย” เนื่องจากความสัมพันธ์ของ “บิ๊กเนม” หลังฉากของทั้ง พปชร.-รทสช. ไม่ลงรอยกัน
ฝั่ง “รทสช.” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม ประกาศวางมือไปแล้ว ทำให้ชื่อ “ลุงตู่” ไม่อยู่ในสมการทางการเมือง เปิดทางให้ “เพื่อไทย” เลือก รทสช.มาร่วมรัฐบาลได้ แถม “บิ๊กหลังฉาก” ยังเดินเกมช่วยเต็มกำลัง
ด้าน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพปชร. ก็มีเสียงเชียร์จาก “คนข้างกาย” ให้ใจกล้าตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ก่อนที่จะดึง “ส.ส.งูเห่า” เข้ามาร่วมรัฐบาล แต่กระแสสังคมต่อต้านอย่างหนัก ทำให้โอกาสของ “ประวิตร” เหลือน้อยเต็มที
อีกทั้งเมื่อ “ประวิตร” ยังอยู่ในสมการทางการเมือง แม้จะมีดีลลับกับ “บิ๊กเพื่อไทย” แต่ก็ยากที่จะร่วมขั้วจัดตั้งรัฐบาลกันได้ เพราะเคยประกาศไม่เอา “2 ลุง”
ทำให้มีกระแสข่าวออกมาตลอดว่า “บิ๊กเนม พปชร.” คิดขับตัวเองออกจากพรรค เพื่อเปิดทางให้สามารถมาจับมือกับ “เพื่อไทย” เพื่อเข้าร่วมรัฐบาลได้
ที่สำคัญดีลของ“คีย์แมน” หลังฉาก พปชร.และรทสช. ต่างพุ่งตรงไปที่ “เพื่อไทย” จึงเหลือเพียง “ทักษิณ-เพื่อไทย”จะเลือกพรรคใดพรรคหนึ่งมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล เป็นตัวเลือกแรก







