“อนุชา” แนะ “พิธา” ฟังเสียงประชาชนไปคิดวิเคราะห์ต่อ หลังไม่ผ่านโหวตนายกฯ

“อนุชา” แนะ “พิธา” ฟังเสียงประชาชนไปคิดวิเคราะห์ต่อ หลังไม่ผ่านโหวตนายกฯ

“อนุชา” แนะ “พิธา” ฟังเสียงประชาชนไปคิดวิเคราะห์ต่อ หลังโหวตไม่ผ่าน ย้ำจุดยืน รทสช.ไม่หนุนพรรคแก้ม.112 ปัดตอบแก้ ม. 272 ปิดสวิตช์ สว.

เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 14 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้นำพวงมาลัยมากราบสักการะท้าวมหาพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า และศาลพระภูมิ ศาลตาศาลยาย เพื่อกราบลาหลังจากปฏิบัติหน้าที่โฆษกฯ และได้ถือโอกาสลาข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ที่ได้ทำงานร่วมกัน และเก็บของที่ยังเหลืออยู่กลับ 

 

จากนั้นนายอนุชา ให้สัมภาษณ์ถึงการโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ว่า พรรครัฐบาลปัจจุบันที่โหวตไม่เห็นชอบ ได้มีการพูดคุยกันแล้วถึงแนวทางในการโหวตที่ไม่เห็นชอบว่ามีเหตุผลใด เพราะฉะนั้นหวังว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล คงจะได้รับฟังถึงเหตุผลนั้นแล้ว อย่างไรก็ตามเห็นนายพิธา ลุกขึ้นบอกว่ายินดีที่จะรับฟัง ตนก็หวังว่านายพิธาจะรับฟังจริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ได้ยิน เพราะสิ่งที่พรรคร่วมรัฐบาล 8 พรรคได้มีเอ็มโอยูกันไว้ จะมีแนวทางอย่างไรต่อไปในอนาคตโดยเฉพาะเกี่ยวกับมาตรา 112 ซึ่งหากนายพิธาและพรรคก้าวไกลได้รับฟังจริงๆจะเห็นว่าการแก้ไขมาตรา 112 เราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ถ้ายังยืนยันที่จะแก้ไขเราก็ยังไม่เห็นด้วยเช่นเดิม

เมื่อถามว่าในครั้งหน้าถ้ามีการโหวตอีกรวมไทยสร้างชาติยังคงยืนยันไม่โหวตให้เหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า ขอดูแนวทางที่พรรคก้าวไกลจะเสนอต่อไปก่อนดีกว่า ที่ผ่านมาเราไม่ได้ตั้งเงื่อนไขว่าจะเป็นอย่างไร แต่เราแสดงจุดยืนชัดเจนที่จะไม่หนุนพรรคที่แก้มาตรา 112 และจะไม่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ซึ่งก็อยู่ที่นายพิธาว่าจริงๆแล้วได้ฟังหรือเปล่า เพราะได้ยินนายพิธาบอกว่าจะเป็นคนฟังเหตุและผล ฟังเสียงของประชาชน ดังนั้นการรับฟังที่นำไปประมวลและไตร่ตรอง และการได้ยินแต่อาจจะเฉยๆไม่ได้นำไปพิจารณาหรือวิเคราะห์ต่อไปด้วย

เมื่อถามกรณีพรรคก้าวไกลเสนอจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์สว.ในการโหวตเลือกนายกฯ นายอนุชา กล่าวว่า เรื่องนี้เดี๋ยวคงต้องว่ากันอีกทีหนึ่งในพรรค ซึ่งพรรคจะมีการพูดคุยกันทุกสัปดาห์อยู่แล้วว่าสถานการณ์ปัจจุถบันมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงบ้าง และพรรคควรแสดงท่าทีอย่างไร ส่วนในพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเดี๋ยวรอดูว่าจะมีการพูดคุยกันอย่างไร