“พิธา” หลังพิงมวลชน แนวรุก ทะลุด่าน ส.ว.

“พิธา” หลังพิงมวลชน แนวรุก ทะลุด่าน ส.ว.

สิ่งที่ทำได้ชั่วโมงนี้ คือพิธา พยายามเดินสายปลุกขวัญแฟนคลับอารมณ์ให้พุ่งสู่จุดพีค และหากวันโหวตนายหฯ ผลออกมาไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ถึงตอนนั้น ก็อาจได้เห็นเกมต่อไป กับแรงกดดันที่จะปะทะฝ่ายต่อต้าน “นายกฯ เน็คไทส้ม”นั่นเอง

เข้าสู่ช่วงเวลานับถอยหลังอย่างเป็นทางการ เหลือเพียง 2-3 วัน ก็จะได้เห็นความชัดเจนของนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 จะใช่คนชื่อ ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ หนึ่งเดียวของพรรค กับสถานะที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหรือไม่

ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่เป็นอุปสรรคขัดขวาง โดยเฉพาะประเด็นหุ้นสื่อ itv ที่ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดูเหมือนไม่อยากถือเผือกร้อนไว้ในมือนาน จึงพยายามส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณีขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.หรือไม่

นอกจากนั้น ยังมีกรณีที่อัยการสูงสุดมีหนังสือตอบกลับศาลรัฐธรรมนูญ สืบเนื่องจากกรณีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความ ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา เพื่อแก้ไข หรือยกเลิกมาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการต่อเนื่องในการใช้สิทธิ และเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ 

เรื่องนี้นับว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ค่อนข้างรุนแรง อาจนำมาซึ่งโทษอาญาหรือไม่ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนมีความกังวล

ตรงนี้ก็เป็นเหตุผลสำคัญของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ที่จะนำมาอ้างในการไม่ยกมือสนับสนุนพิธา เป็นนายกฯ ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้          

เมื่อเช็คเสียง ส.ว.สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรก ส.ว.กลุ่มใหญ่ที่สุด 90% จะลงมติในวันประชุมร่วมรัฐสภา ด้วยการงดออกเสียง กลุ่มที่ 2 คือคนที่มีเจตนารมณ์สนับสนุนพิธา เป็นนายกฯ คาดว่าจำนวน 5-10 คน และกลุ่มที่ 3 คือ ส.ว.ที่จะออกเสียงไม่สนับสนุน พิธาชัดเจน

จะเห็นได้ว่า ส.ว.กลุ่มใหญ่ที่สุด ที่มีแนวโน้มงดออกเสียง ซึ่งก็ไม่ได้มีความหมายเป็นอื่น คือไม่สนับสนุนพิธา นั่นเอง ก็น่าจะมีจำนวนมากถึงประมาณ 225 คนเลยทีเดียว 

สถานการณ์ที่พิธากำลังเผชิญเวลานี้ จะเรียกว่าปาดเหงื่อก็อาจจะน้อยไป การอยู่ในสปอตไลต์แบบนี้ ต้องรับทุกอย่างให้ได้

การที่พิธาเดินสายลงพื้นที่พบปะด้อมส้มถี่ยิบ เลี้ยงกระแสความนิยมของตัวเองและก้าวไกลไม่ให้แผ่ว จนมีข้อสังเกตอย่างมาก ว่า เป็นการเช็กความพร้อมของมวลชน ว่ายังมีความหวังและกำลังใจแค่ไหน ดูจากปรากฎการณ์ในหลายจังหวัด แฟนคลับก็ยังมั่นใจว่าพิธา จะได้เป็นนายกฯ

ขนาดเจ้าตัวเอง ก็แสดงออกแบบนั้นบ่อยๆ เช่นตอนลงพื้นที่โคราช ก็คึกคักบอกคันไม้คันมืออยากแก้ไขปัญหาประเทศมากๆ หรือตอนลงพื้นที่สุพรรณบุรี ประกาศลั่น จะไม่กินแห้ว ซึ่งสื่อถึงว่า ไม่พลาดเก้าอี้นายกฯ แน่นอน

เมื่ออารมณ์ของแฟนคลับยังเต็มเปี่ยม หมายให้พิธาถึงฝั่งฝัน แต่จะติดเงื่อนไขสำคัญก็คือ ส.ว. ดังนั้น ในวันโหวตเลือกนายกฯ คงไม่แปลก หากมีมวลชนมากดดัน ส.ว. และจะเคลื่อนไหวยืดเยื้อหรือไม่ หากพิธาไม่ผ่านด่าน 13 ก.ค.นี้

น่าสนใจว่า การใช้เกมมวลชนกดดัน ส.ว.เช่นนี้ จะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ตัวเองต้องการอย่างไร เนื่องจากการชุมนุมบนท้องถนนที่ผ่านมา ก็ไม่สามารถปิดเกมได้ 

ฉะนั้นการพลิกเกมเฉพาะหน้า ในการทำให้พิธาเป็นนายกฯ สำเร็จ สามารถตั้งรัฐบาลในฝันได้นั้น พิธา ก้าวไกล และแนวร่วม จำเป็นต้องยกระดับมาตรการให้มีความเข้มข้นเพิ่มเติมหรือไม่ แต่การออกมาชุมนุมอย่างหนักหน่วง ก็มีบทเรียนมาแล้วมากมาย แกนนำและแนวร่วมหลายคนโดนคดียาวเป็นหางว่าว

จังหวะนี้จึงสำคัญที่สุด เพราะถ้ารอเกมยาว หรือการเลือกตั้งครั้งหน้าทอดเวลาไปอีก 4 ปี ไม่มีใครมั่นใจได้ว่ากระแสที่ก้าวไกลได้มาตอนปี 66 จะไม่มีอะไรแปรเปลี่ยนไป 

ถึงวันนั้น บริบทการเมืองอาจมีอะไรที่ใหม่กว่า หรือสถานการณ์อาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คำตอบจะใช่ก้าวไกลอีกหรือไม่

สิ่งที่ทำได้ชั่วโมงนี้ คือพิธา พยายามเดินสายปลุกขวัญแฟนคลับอารมณ์ให้พุ่งสู่จุดพีค และหากวันโหวตผลออกมาไม่เป็นไปอย่างที่คาดหวัง ถึงตอนนั้น ก็อาจได้เห็นเกมต่อไป กับแรงกดดันที่จะปะทะฝ่ายต่อต้าน“นายกฯ เน็คไทส้ม”นั่นเอง