สมการ "รัฐบาลเพื่อไทย" ส่องแนวร่วม ซุ่มเดินเกมนำ

สมการ "รัฐบาลเพื่อไทย" ส่องแนวร่วม ซุ่มเดินเกมนำ

วันนี้ก็ยังเป็นเพื่อไทยที่เป็นตัวแปร แม้จะขยับอะไรไม่ได้มาก ทำได้แค่เล่นไปตามเกม รอแค่เวลามาถึงอาจจะเข้าตำรา ช้าๆได้พร้าเล่มงามขึ้นมาก็ได้

ยังไม่ทันถึงวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ซึ่ง 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล นำโดยก้าวไกลยังแน่วแน่เสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สู้เกมโหวต หลายคนก็เริ่มมองข้ามช็อตถึงสูตรจัดตั้งรัฐบาล ที่ต่างคาดการณ์กันไปว่าจะเกิดปรากฎการณ์ต่างๆ

หลังจบศึกชิงรองประธานสภา คนที่ 1 ระหว่าง ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกลและ วิทยา แก้วภราดัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ

ปรากฎว่า ขั้วพรรคร่วมรัฐบาลเดิม 188 เสียง ดันเสียงแตก งดออกเสียง วิทยา มากถึง 77 เสียงสะท้อนเอกภาพที่แปรเปลี่ยนหรือไม่ โดยเฉพาะจากภูมิใจไทย ที่งดออกเสียงกันพรึ่บ

จนมีข้อสังเกตว่า ภูมิใจไทยกำลังอ่อยฝั่ง 8 พรรคอะไรหรือไม่ เหมือนพร้อมจะเสนอตัวเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้าย เติมเต็มฝ่ายเสียงข้างมาก 312 บวกกับ 71 ของพรรคน้ำเงิน เสียง ส.ส.จะแตะ 383 โดยไม่ต้องอาศัยเสียง ส.ว.เลยทีเดียว

ทว่า เกมนี้ต้องวัดใจก้าวไกลจะยอมกลืนน้ำลายตัวเองหรือไม่ เพราะเคยยืนยันว่า ไม่เอาคนที่เคยร่วมเสวยสุขกับแก๊งลุง หรือแม้แต่เพื่อไทยเอง ก็ใช่จะพิศมัยยี่ห้อภูมิใจไทยเสียเมื่อไหร่

ทางฟากฝั่งภูมิใจไทย จะว่าไปก็ติดเงื่อนไขของตัวเอง ที่เคยประกาศกับสังคมว่า อยู่ตรงข้ามกับพวกที่คิดแก้ ม.112

“การเรียกร้อง ข่มขู่ กดดัน ต่อพรรคภูมิใจไทย ให้สนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จะไม่มีผลให้พรรคภูมิใจไทย และสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเปลี่ยนแปลงอุดมการณ์ และจุดยืนได้”

“ดังนั้น หากการจัดตั้งรัฐบาลที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ประสบผลสำเร็จ พรรคภูมิใจไทย พร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เพื่อประโยชน์ของประชาชน และปกป้องสถาบันสำคัญของชาติอย่างสุดความสามารถ” 

นี่เป็นเนื้อหาบางส่วนของแถลงการณ์ ที่ออกมาเมื่อ 17 พ.ค.2566 ว่า พรรคภูมิใจไทย ไม่สนับสนุนนายกรัฐมนตรี ที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

การเล่นบทตัวแปรของภูมิใจไทยในสายตาคนที่ติดตามการเมือง ก็คงไม่ง่ายที่จะสลับข้าง อยู่ขวา ไปซ้าย ได้ง่ายเหมือนใจคิด

ต้องไม่ลืมว่า น้องชายสุดเลิฟของ เนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่แห่งบุรีรัมย์ อย่าง เสี่ยโอ๋ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ อยู่ระหว่างถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ รมว.คมนาคม จากกรณีหุ้นของห้างหุ้นส่วนจำกัด บุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ที่พันแข้งพันขา

นอกจากนั้น ยังมีเรื่องคาอยู่ใน ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบศักดิ์สยาม ทั้งเรื่องที่ดินเขากระโดง เรื่องบัญชีทรัพย์สิน เข้าข่ายปกปิด หรือแจ้งเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช.หรือไม่ ก็ล้วนเป็นเรื่องใหญ่ ถึงขั้นคอขาดบาดตายทั้งสิ้น เลยไม่ต่างกับการเป็นเชลยแต่อย่างใด

ตรงนี้ ก็เป็นจุดวัดใจสำคัญของภูมิใจไทย หากคิดทิ้งลุงระดับบิ๊ก ใจหนึ่งก็หนาวๆ ร้อนๆ เสียวสันหลังวาบ ไม่รู้จะโดนฟันจนอะไรๆ ขาดวิ่นหรือไม่

การประคองตัวเองในสถานการณ์แบบนี้ การเอาตัวรอดนับว่าดีที่สุด แต่จะดีไปกว่านั้น ถ้ารอดบ่วงคดีทั้งปวง แถมได้เป็นรัฐบาลด้วย นับว่าได้โชค 2 ชั้น จึงต้องตัดสินใจให้ดีว่า คนที่จะประทานพรเหล่านี้ได้ ใช่คนที่ “คุณก็รู้ว่าใคร” หรือไม่

เลยต้องมองกลับไปที่สูตรเดิม พรรคตัวแปรตัวจริง คงปฏิเสธไม่ได้ว่า คือเพื่อไทย ที่สถานการณ์วันนี้ คิดหักหลังก้าวไกล ไม่ได้ แต่อนาคต ถ้าดันหลังพิธาจนสุดความสามารถแล้ว ยังขึ้นเป็นนายกฯ ไม่ได้เสียที หรือหากเงื่อนไขของก้าวไกล ทั้งเรื่องแก้ ม.112 การนิรโทษกรรม คดีแสดงออกทางการเมือง ครอบคลุมถึงคนที่โดนคดี ม.112 เข้าไปอีก ก็นับว่ากดดันเพื่อไทย อย่างมากเพราะเคยเบรกไม่ให้ระบุใน MOU มาแล้ว ถ้าเกิด ส้มบังคับแดงให้เดินตามมากๆ สุดท้ายคงไม่แคล้ว ทางใครทางมัน

ถ้าการเมืองเดินไปสู่จุดนั้น ก็เป็นโอกาสของเพื่อไทย ที่จะพลิกเกมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก็มีเหตุผลที่รับฟังได้อยู่บ้าง กรณีต้องจับมือกับขั้ว 188 โดดเดี่ยวก้าวไกล ไปเป็นฝ่ายค้าน 

เบื้องหลังเพื่อไทย และรวมไทยสร้างชาติ ที่ดูเหมือนคนละขั้ว ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ ความจริงก็คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะมีตัวเชื่อมจากท่อเดียวกันอัดฉีดอยู่

เช่นเดียวกับเพื่อไทย และพลังประชารัฐ หรือบ้านจันทร์ส่องหล้า กับป่ารอยต่อฯ นายแม่ กับลุง ก็มีความเอื้อเฟื้อกันอย่างแนบแน่น

ไม่เว้นแม้แต่เพื่อไทย กับภูมิใจไทย ที่เคียดแค้นกันมาตั้งแต่ตอน “มันจบแล้วครับนาย” สถานการณ์วันนี้ ก็อาจเป็นตัวบังคับให้คนแดนไกลต้องทำเป็นลืมไปบ้าง ถ้าอยากมีอำนาจและได้กลับบ้าน

ที่สำคัญ“บิ๊กบางคน”ในขั้วอำนาจเดิม ก็มีพาวเวอร์มากพอที่จะปรับจูนความเข้าใจระหว่างดูไบกับบุรีรัมย์ ได้ไม่ยาก

ถ้าบอกว่า ก้าวไกล คือเงื่อนไขของทุกอย่างในทางการเมืองเวลานี้ พรรคอื่นที่ลงเรือลำเดียวกันยากที่จะถีบกัปตันตกน้ำแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เพราะคะแนนสงสารอาจเทให้ส้มแลนด์สไลด์ในรอบหน้า

แต่ถึงอย่างนั้น วันนี้ก็ยังเป็นเพื่อไทยที่เป็นตัวแปร แม้จะขยับอะไรไม่ได้มาก ทำได้แค่เล่นไปตามเกม รอแค่เวลามาถึงอาจจะเข้าตำรา ช้าๆได้พร้าเล่มงามขึ้นมาก็ได้

จึงไม่แปลก ที่เวลานี้ เที่ยวบินจากเพื่อไทยไปฮ่องกง เวลานี้จึงคึกคัก ไปด้วยคิวพบ “นายใหญ่” เมื่อโอกาสลุ้นสูตร 2 “รัฐบาลเพื่อไทย” อยู่ไม่ไกลจากเดือน ก.ค.นี้ ที่ล็อกคิวโหวตนายกฯ“พิธา” เอาไว้แค่ 3 รอบ