ย้อนประวัติ-ความสำคัญ ‘รัฐพิธี’ เปิดประชุมสภา

ย้อนประวัติ-ความสำคัญ  ‘รัฐพิธี’ เปิดประชุมสภา

“รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา” ธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมา อีกทั้งเป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา122 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เสมือนเป็นการประกาศให้ประชาชนได้ทราบ ถึงทำหน้าที่ในฐานะ "ผู้แทนปวงชน" ในสภาผู้ทรงเกียรติ

“รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา” ถือเป็นพิธีการที่สำคัญของประเทศไทยที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เสมือนเป็นการประกาศให้ประชาชนได้ทราบว่า จะมีคณะบุคคลเข้ามาทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนในการบริหารปกครองประเทศ 

โดยรัฐธรรมนูญฉบับฉบับปัจจุบัน มีการกำหนดไว้ใน มาตรา 121 ระบุว่า ภายในสิบห้าวันนับแต่วันประกาศผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอันเป็นการเลือกตั้งทั่วไป ให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อให้สมาชิกได้มาประชุมเป็นครั้งแรก

ในปีหนึ่งให้มีสมัยประชุมสามัญของรัฐสภาสองสมัย ๆ หนึ่งให้มีกำหนดเวลาหนึ่งร้อยยี่สิบวัน แต่พระมหากษัตริย์จะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ขยายเวลาออกไปก็ได้

การปิดสมัยประชุมสามัญประจำปีก่อนครบกำหนดเวลาหนึ่งร้อยยี่สิบวันจะกระทำได้ก็แต่โดยความเห็นชอบของรัฐสภา 

วันประชุมครั้งแรกตามวรรคหนึ่ง ให้ถือเป็นวันเริ่มสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง ส่วนวันเริ่มสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ให้เป็นไปตามที่สภาผู้แทนราษฎรกำหนดแต่ในกรณีที่การประชุมครั้งแรกตามวรรคหนึ่งมีเวลาจนถึงสิ้นปีปฏิทินไม่เพียงพอที่จะจัดให้มีการประชุมสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง จะไม่มีการประชุมสมัยสามัญประจำปีครั้งที่สองสำหรับปีนั้นก็ได้

ย้อนประวัติ-ความสำคัญ  ‘รัฐพิธี’ เปิดประชุมสภา

ขณะที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 122 ระบุว่า พระมหากษัตริย์ทรงเรียกประชุมรัฐสภา ทรงเปิดและทรงปิดประชุม พระมหากษัตริย์จะเสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำรัฐพิธีเปิดประชุมสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งแรกด้วยพระองค์เอง หรือจะโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พระรัชทายาทซึ่งทรงบรรลุนิติภาวะแล้ว หรือผู้ใดผู้หนึ่ง เป็นผู้แทนพระองค์ มาทำรัฐพิธีก็ได้

เมื่อมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ พระมหากษัตริย์จะทรงเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญก็ได้

ภายใต้บังคับมาตรา 123 และมาตรา 126 การเรียกประชุม การขยายเวลาประชุม และการปิดประชุมรัฐสภา ให้กระทำโดยพระราชกฤษฎีกา

ทั้งนี้ข้อมูลจากพิพิธภัณฑ์รัฐสภา ระบุถึง ความเป็นมาของ “รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภา”   เริ่มขึ้นอย่างไม่เป็นทางการในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โดยพบว่า เมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชย์ พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้ง“สภากรรมการองคมนตรี”ขึ้น และเปิดประชุมครั้งแรกในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2470 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธีเปิดประชุมด้วยพระองค์เอง แต่ได้พระราชทานพระราชกระแสรับสั่งให้เจ้าพระยามหิธรเสนาบดี ราชเลขาธิการ อัญเชิญไปอ่านเปิดประชุม 

ย้อนประวัติ-ความสำคัญ  ‘รัฐพิธี’ เปิดประชุมสภา

ต่อมาเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย ที่มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ ได้มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ในวันที่ 28 มิถุนายน 2475 ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ก็ได้อาศัยประเพณีที่ถือปฏิบัติมาใช้เปิดประชุมสภา 

โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชกระแสรับสั่งให้เจ้าพระยามหิธร เสนาบดีกระทรวงมุรธาธร อัญเชิญไปอ่านเปิดการประชุม ความว่า

“วันนี้สภาผู้แทนราษฎรได้ประชุมเป็นครั้งแรก นับว่าเป็นการสำคัญอันหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศอันเป็นที่รักของเรา ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านทั้งหลายคงจะตั้งใจรักษาความอิสรภาพของไทยไว้ชั่วฟ้าและดิน  ข้าพเจ้าขออำนวยพรแก่บรรดาผู้แทนราษฎรทั้งหลายให้บริบูรณ์ด้วยกำลังกาย กำลังปัญญา เพื่อจะได้ช่วยกันทำการให้สำเร็จตามความประสงค์ของเราและของท่าน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายอันเดียวกันทุกประการเทอญ”

ย้อนประวัติ-ความสำคัญ  ‘รัฐพิธี’ เปิดประชุมสภา

ขณะที่การเลือกตั้งครั้งก่อนหน้า เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จเปิดประชุมรัฐสภา ณ ห้องประชุมวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ มีพระราชดำรัสแก่สมาชิกรัฐสภา ความว่า

“บัดนี้ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เสร็จสิ้นลง และมีการเรียกประชุมรัฐสภา พุทธศักราช 2562 แล้ว ข้าพเจ้าขอเปิดประชุมรัฐสภา เพื่อให้ทำหน้าที่นิติบัญญัติตั้งแต่วาระนี้เป็นต้นไป ขอให้สมาชิกแห่งสภา พึงนึกถึงความสำคัญและความรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง เพราะการกระทำทุกอย่างของแต่ละคน จะมีผลโดยตรงถึงความมั่นคงของประเทศ และความสุขทุกข์ของประชาชน 

จึงจำเป็นที่ทุกคนจะต้องร่วมมือกันปฏิบัติภารกิจทั้งปวง โดยเต็มสติปัญญาความสามารถ ด้วยความสุจริต และด้วยความคิดพิจารณาอันสุขุมรอบคอบ หนักแน่นด้วยเหตุผลที่ถูกต้องเที่ยงตรง ตามหลักนิติธรรม และคุณธรรม ให้งานของชาติดำเนินก้าวหน้าไป โดยไม่ติดขัดและบังเกิดประโยชน์อันพึงประสงค์ สมบูรณ์ บริบูรณ์ ขออำนวยพรให้การดำเนินงานของรัฐสภาเป็นไปโดยเรียบร้อย สัมฤทธิ์ผล เป็นความผาสุก สุขสวัสดิ์ และความวัฒนาถาวรแก่อาณาประชาราษฎร์ และชาติบ้านเมือง ทั้งขอให้ทุกคนที่ประชุมร่วมกันอยู่ ณ ที่นี้ ประสบความสุขความเจริญทุกเมื่อถ้วนหน้ากัน” 

อย่างไรก็ดีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภานั้น เป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สืบต่อกันมาแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน 

โดยรัฐพิธีเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรชุดที่26 จะถือเป็นครั้งแรกที่ประกอบพิธี ณ สัปปายะสถาน หรืออาคารรัฐสภาใหม่ เกียกกาย