“พิธา”เมิน ถูกวิจารณ์ "นายกฯทิพย์" ตอบรับเป็น ทูตท่องเที่ยวไทย

“พิธา”เมิน ถูกวิจารณ์ "นายกฯทิพย์" ตอบรับเป็น ทูตท่องเที่ยวไทย

“พิธา”ตอบรับเป็น ทูตท่องเที่ยวไทย หลังสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ชวน จี้รัฐบาลยกการท่องเที่ยวเป็นวาระชาติ จัดระเบียบสนามบินไม่ให้เกิดคอขวด  ไม่สนเดินหน้าทำงานต่อหลังถูกวิจารณ์ "นายกฯทิพย์"

เมื่อวันที่ 1 ก.ค.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกันแถลงภายหลังหารือแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องการท่องเที่ยว โดยนายชำนาญ กล่าวว่าการท่องเที่ยวควรเป็นวาระแห่งชาติ และว่าอยากให้ว่าที่นายกรัฐมนตรีนั่งเป็นประธานที่ประชุมดูแลเรื่องการท่องเที่ยว ที่สำคัญคือการบริหารจัดการเรื่องของสนามบินในการไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ จนกลับมาถึงสนามบินอีกครั้ง ควรจัดการอย่างไร้คอขวด และท้ายที่สุดที่อยากจะขอและขอมาโดยตลอดคืออยากให้ท่านมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์หรือทูตการท่องเที่ยวของประเทศไทย

ด้านนายพิธา กล่าวว่า มีการประชุมหารือกัน เกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยวก่อนและหลังโควิด มีการเปรียบเทียบตัวเลขระหว่างปี 2562 กับปี 2566 ทั้งในเรื่องของการท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย และการบริหารจัดการในระดับจังหวัด ทั้งนี้นายชำนาญได้เชิญชวนว่าอยากให้นายกฯ ดูแลเรื่องการท่องเที่ยวโดยตรง เพราะหากนโยบายการท่องเที่ยวดีแค่ไหน แต่มีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม โรคระบาด สังคมสูงวัย หรือเรื่องส่วยอยู่ก็ทำให้การท่องเที่ยวไม่อาจปฏิบัติได้จริง และทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ก็ได้เชิญให้ตนเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ตนก็ยินดีตอบรับ ถ้าเป็นคนที่ทั้งบริหารและสื่อสารด้วย 

หากเข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลและมีการบริหารเมื่อไร ก็คงจะมีการเดินทางไปพบปะกับผู้นำในต่างประเทศ และสหประชาชาติในเดือน ก.ย.นี้ คงจะเอาเรื่องของการท่องเที่ยวและเชิญชวนนักท่องเที่ยวของเขาที่เราต้องการให้เขามาเป็นวาระสำคัญในการกำหนดการประชุมกับผู้นำต่างประเทศ หลังจากนั้นก็คงจะพูดถึงนโยบายของ 8 พรรคร่วมที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว เช่น แก้ปัญหาในเรื่องการขอใบอนุญาตเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็คงเป็นการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา 

เมื่อถามได้มีการพูดคุยกันหรือไม่ว่าหลังทำงานร่วมกันแล้วจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้เท่าไร นายพิธา กล่าวว่า เรื่องตัวเลขเป็นสิ่งสำคัญและมีการพูดคุยกันเยอะ ตอนนี้หากถามว่าการท่องเที่ยวในประเทศไทยก่อนและหลังโควิดหายไปเท่าไร มีอยู่เกือบ 40 % ในขณะที่ทั่วโลกหายไป 20 % แต่ขณะเดียวกันหากเราเอานักท่องเที่ยวจีนออกไปและเปรียบเทียบกัน ไทยก็ไม่ได้แย่ไปกว่าทั่วโลก ก็หายไปแค่ 20 % เท่ากัน เพียงแค่ก่อนโควิดยอดนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมา 20% เป็นนักท่องเที่ยวจีน ตอนนี้อยู่แค่ 2 % ก็คือว่าหายไปเยอะ ฉะนั้นเราต้องปรึกษาหารือกันว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร เพื่อให้ตัวเลขกลับมาดีที่สุด 


เมื่อถามว่า มีความเห็นจากส.ว.ท่านหนึ่งวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะเป็นรัฐบาลและ นายกฯทิพย์ นายพิธา กล่าวว่า นั่นก็เป็นความเห็นของประชาชนคนหนึ่ง แต่เนื่องจากว่าความเห็นนั้นเป็นของวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งจึงมีเสียงที่ดังขึ้นมาหน่อย แต่ในขณะเดียวกันเราต้องให้โอกาสในการสอบถามประชาชน และหลายๆฝ่าย ซึ่งตัวเลขก็ได้ออกมาแล้วหลังจากการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่เป็นไรเราก็เดินหน้าทำงานให้กับพี่น้องชาวการท่องเที่ยวต่อไป

เมื่อถามว่าที่มีการวิพากษ์วิจารณ์นายพิธากรณีที่ไปดูการแข่งขันวอลเล่ย์บอล จนทำให้นักกีฬาถูกจับจ้องทางการเมือง นายพิธา กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นเรื่องปกติมากที่ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือผู้นำประเทศที่เดินทางไปดูการแข่งขันกีฬาของประเทศของตน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร