"เสรี" ฟันธง "8พรรค" ตั้งรัฐบาล ไปไม่รอด

"เสรี" ฟันธง "8พรรค" ตั้งรัฐบาล ไปไม่รอด

"ส.ว.เสรี" ย้ำขอ "กกต." เร่งส่งคดี "พิธา"ถึงศาล เพื่อให้มีข้อยุติ หวั่นถูกชักประเด็นปลุกมวลชน พร้อมฟันธง 8 พรรค ที่เตรียมตั้งรัฐบาลร่วมกัน ไปไม่รอด

นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ผ่านรายงานการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ว่า การเข้าพบ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ​เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ไม่มีเจตนาเร่งรัดคดีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตพรรคก้าวไกล แต่จากการทำงานของกมธ.ที่ศึกษาเกี่ยวกับการถือหุ้นของนายพิธา ได้มอบรายละเอียดให้กกต. ด้วย อย่างไรก็ดีขณะนี้ยังไม่มีข้อตกลงต่อการเข้าชื่อเพื่อส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัยคุณสมบัติของนายพิธา เป็นเพียงการหารือตามช่องทางของรัฐธรรมนูญเท่านั้น

 

 

“ผมบอกกับ กกต. ว่าควรจะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่รัฐสภาจะโหวตนายกฯ เพราะมีประเด็นความเห็นไม่ตรงกันและถูกหยิบเป็นประเด็นปลุกปั่นประชาชน สร้างแรงกดดันค่างๆ ดังนั้นหากการดำเนินการดังกล่าวของ กกต. ที่ไต่สวนคดีของนายพิธาแล้วมีมูลเข้าข่ายการกระทำความผิด ช่วยส่งศาลรัฐธรรมนูญให้เร็วที่สุดจะเป็นผลดี เพื่อให้มีข้อยุติในทางศาล โดยไม่เกี่ยวกับการลงมติของส.ว.ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าหากจะงดออกเสียงแล้วจะมีความชอบธรรมมากกว่า” นายเสรี กล่าว

นายเสรี กล่าวด้วยว่าสำหรับความเคลื่อนไหวของ 8 พรรคการเมืองต่อการจัดตั้งรัฐบาลที่มีปัญหา ส่วนตัวมองว่า ไปไม่รอด แม้จะมีการทำเอ็มโอยู คือการบังคับเดินจากผลคะแนนที่ผ่านมา แม้จะเรียกว่าเป็นฝั่งประชาธิปไตย แต่ตนมองว่าประชาธิปไตยจอมปลอม เพราะรวมเพราะข้อเสนอที่มีมาตั้งแต่แรก แต่ข้อเท็จจริง เขาคงไม่อยากรวมเพราะมีประเด็นการแก้ไขมาตรา 112

 

“การเมืองเป็นเรื่องอำนาจ ที่บอกว่าสืบทอดอำนาจเป็นส่วนที่ถูกกล่าวหา แต่พวกนี้กำลังแสวงหาอำนาจ คือ อำนาจทั้งนั้นไม่ควรกล่าวหากัน โดยท้ายสุดแล้วผมมองว่าแต่ละพรรคมีเป้าหมายและทิศทางของตัวเอง เชื่อว่าคงไปกันไม่รอด ส่วนปัญหาตำแหน่งประธานสภาฯ นั้นผมมองว่าไม่ใช่เหตุของการแยกทาง โดยตำแหน่งดังกล่าวถือมีความสำคัญ และคนที่ทำหน้าที่ต้องมีความเป็นกลาง ตั้งใจทำให้การเมืองดีขึ้นหากทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง กลุ่มตนเอง แสดงความก้าวร้าวที่ผ่านมา จะเป็นประธานสภาฯ เป็นเหตุผลให้พรรคอื่นเขาเป็น” นายเสรี กล่าว

นายเสรี กล่าวด้วยว่า ตำแหน่งประธานสภาฯ​เป็นอำนาจสูงสุดของประเทศ แต่ละพรรคต้องสร้างผลงานและรักษาผลประโยชน์ให้กับชาติและประชาชนดังนั้นการมีตำแหน่งหรืออำนาจสูงสุดในระบอบประชาธิปไตยจึงความสำคัญในทางการเมือง หากพรรคใดที่ได้เสียงจากประชาชนมากพอเลือกได้เขาต้องได้ตำแหน่งดังกล่าว เพื่อเป็นความรับผิดชอบของการลงสมัครรับเลือกตั้งและหลังจากได้รับเลือกมาจากประชาชน.