‘เศรษฐา’ ยันไม่พลิกขั้วการเมืองเชื่อ ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ จับมือแน่น

‘เศรษฐา’ ยันไม่พลิกขั้วการเมืองเชื่อ ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ จับมือแน่น

“เศรษฐา” ยันไม่พลิกขั้วการเมือง “เพื่อไทย-ก้าวไกล” จับมือแน่น ปมตำแหน่งประธานสภาฯไม่ลงตัว จะไม่เป็นปัญหาในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล เชื่อ “พิธา” จะได้รับการโหวตเป็นนายกฯ

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยและประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวถึงการเลื่อนเจรจาประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลว่า ในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา ซึ่งยังมีเวลาอีก 3-4 วันก่อนที่จะถึงวันโหวตประธานสภาผู้แทนราษฎร และกล่าวย้ำว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลยังคงจับมือกันไม่แยกจากกัน ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งการจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยได้

โดยมองว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ทำให้ เกิดการกระแสวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทย หรือ ทัวร์ลง เพราะพรรคเพื่อไทยรับฟังทุกความเห็นไม่ว่าจะเป็นประชาชน ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค และสิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้คือธงจะต้องไม่เปลี่ยน เชื่อว่าการเจรจาจะได้ข้อยุติคุยกันรู้เรื่อง และยืนยันว่าเหตุการเลื่อนเจอจะออกไปไม่ใช่การแย่งตำแหน่งกัน เพราะการแข่งขันทางการเมืองจบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 
 

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการประกาศจุกยืนยึดเก้าอี้ประธานสภาของพรรคเพื่อไทยจะนำไปสู่การพลิกขั้วการเมืองนั้น นายเศรษฐา กล่าวความมั่นใจว่าจะไม่มีการพลิกขั้ว เพราะพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลยังคงจับมือไปด้วยกัน  จนกว่าจะมีการตั้งรัฐบาลได้ แต่ในขณะนี้การเจรจายังไม่สิ้นสุด และส่วนตัวไม่ทราบว่ารายชื่อแคนดิเดตประธานสภาของพรรคเพื่อไทยมีใครบ้างเนื่องจากไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการบริหาร
 

โดยมองว่าการเดินสายแสดงวิสัยทัศน์ แคนดิเดตประธานสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกลว่าไม่ใช่การออกตัวแรง แต่เป็นการแสดงความชัดเจน และขออย่ามองไปไกลว่าหากพรรคก้าวไกลไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ จะทำให้เสียหน้า และย้ำว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาล

ขณะเดียวกันนายเศรษฐา ยังมองว่าอย่าคิดว่าจะ เป็นการเสียสละ ยกให้ หรือเป็นการถอยอะไรสำหรับการเจรจาในครั้งนี้ เพราะฝ่ายเดียวกันจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่ได้ตอบชัดเจนว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นประธานรัฐสภาในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น บอกเพียงว่าคุยกันได้อยู่แล้ว เป้าหมายหลักจะไม่เสีย

"หลังการจัดตั้งรัฐบาลเชื่อว่า ส.ส. ในพื้นที่จะสามารถจัดการปัญหาช่วยเหลือประชาชนได้ ในส่วนอะไรที่ต้องบริหารจัดการที่ใช้รัฐมนตรีก็ต้องรอไปก่อน ก่อนจะทิ้งท้ายแสดงความมั่นใจว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน"