ศึกใน‘เพื่อไทย’ปะทุ ‘ทีม ส.ส.’ต่อรอง ‘ห้องแอร์’

ศึกใน‘เพื่อไทย’ปะทุ  ‘ทีม ส.ส.’ต่อรอง ‘ห้องแอร์’

“ว่าที่ ส.ส.”หลายคนไม่รู้สึกว่าติดหนี้บุญคุณของ“เพื่อไทย”ในการทำศึกเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะ“นายใหญ่”และพรรค ไม่ได้ส่งน้ำเลี้ยง ไม่ได้ช่วยดูแล ทำให้ต่างคนต่างเอาตัวรอดด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลาทีเด็ดทีขาด จำเป็นต้องถอนทุนคืน ก็จำเป็นต้องทำ

ถึงเวลาพรรคเพื่อไทยเปิดศึกในชักธงรบกันเอง ภายหลังมีเอฟเฟ็กต์จากปมร้อนเก้าอี้ “ประธานสภาฯ” โดย “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค ออกมาประกาศหลักการ ควรให้พรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงอันดับหนึ่งได้สิทธิในเก้าอี้ดังกล่าว

ย่อมหมายถึงพรรคก้าวไกล ที่มีความชอบธรรมในการส่งตัวแทนมานั่งเก้าอี้ประธานสภาฯ ซึ่งถือเป็นหลักการของพรรคเพื่อไทยที่สอดคล้องกับหลักสากล

ท่าทีเช่นนี้ ทำให้ “ทีม ส.ส.” ภายในพรรคเพื่อไทย หลายสาย-หลายกลุ่ม-หลายก๊ก ไม่เห็นด้วยและไม่พอใจท่าทีของ “ภูมิธรรม” จนมีแชทไลน์หลุดออกมาจาก “มือมืด” บางคน ที่ตั้งใจนำข้อความมาปล่อยกับ “สื่อ” เพื่อสร้างแรงต่อรองทางการเมือง

มีรายงานว่า “ทีม ส.ส.” ไม่โอเคกับการเสียเก้าอี้ “ประธานสภาฯ” แลกกับเก้าอี้รองประธานสภาฯ คนที่ 1 และคนที่ 2

“ว่าที่ ส.ส.ส่วนใหญ่ของพรรคเพื่อไทย กว่า 100 คน ไม่พอใจการตัดสินใจดังกล่าวของแกนนำพรรค ที่ไม่ยึดโยงกับ ส.ส. แต่ ให้ ส.ส.มีหน้าที่รอฟังคำสั่งอย่างเดียว จะทำให้พรรคไม่เป็นสถาบันทางการเมือง พรรคการเมืองขนาดใหญ่ควรมีการหารือและบอกความคืบหน้าของสถานการณ์ให้สมาชิกทราบ โดยเฉพาะประเด็นใหญ่เช่นนี้ ควรมีการลงมติกันในพรรค” แหล่งข่าวระบุ

ขณะเดียวมีกระแสข่าวว่า “ทีม ส.ส.” ที่เคลื่อนไหวทำแชทไลน์หลุด อยู่ใน “กลุ่มว่าที่ ส.ส.สายอีสาน” ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เห็นด้วยกับการบริหารพรรคของ “ทีมห้องแอร์” อยู่ก่อนแล้ว จึงไม่แปลก เมื่อโอกาสเข้าทาง จึงออกมาสาวหมัดใส่ “หัวขบวนห้องแอร์”

“ทีม ส.ส.สายอีสาน” กับ “ทีมห้องแอร์” กินแหนงแคลงใจกันมานานแล้ว ทว่า สถานการณ์ในช่วงที่เป็น “ขั้วฝ่ายค้าน” ภาพการทะเลาะเบาะแว้งกัน จึงไม่ปรากฏให้เห็น แต่เมื่อพรรคกำลังกลับมาครองอำนาจใหม่ การแย่งชิงการนำภายในพรรค จึงกลับมาเข้มข้น

 ขณะที่ “ทีมห้องแอร์” ซึ่งสถาปนาตัวเองเป็นสายตรง “นายใหญ่” ดังนั้นการประเมินเกมการเมืองใดๆ จึงรายงานตรง โดยไม่เคยสอบถามความเห็นจาก “ทีม ส.ส.” ทำให้เกิดปัญหาความไม่พอใจของทีม ส.ส. “สายเหนือ-สายอีสาน” ต่อการบริหารงานพรรคพอสมควร

ทว่า แรงต่อรองของ “ทีม ส.ส.”อาจมีน้อย เนื่องจากที่ผ่านมา “เพื่อไทย” ไม่ค่อยได้พึ่งพาบริการของส.ส. แต่สถานการณ์การเมืองขณะนี้  ไม่ว่า “นายกฯ” จะชื่ออะไร แต่เมื่อพรรคได้กลับสู่อำนาจเป็นรัฐบาล ย่อมส่งผลให้ “ทีม ส.ส.” ต้องมีเงื่อนไขต่อรอง

ที่สำคัญ “ว่าที่ ส.ส.”หลายคนไม่รู้สึกว่าติดหนี้บุญคุณของ“เพื่อไทย”ในการทำศึกเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะ“นายใหญ่”และพรรค ไม่ได้ส่งน้ำเลี้ยง ไม่ได้ช่วยดูแล ทำให้ต่างคนต่างเอาตัวรอดด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลาทีเด็ดทีขาด จำเป็นต้องถอนทุนคืน ก็จำเป็นต้องทำ

นอกจากนี้ “ทีม ส.ส.” ยังวิพากษ์วิจารณ์กันว่า เหตุผลที่ “เพื่อไทย” พ่ายแพ้การเลือกตั้งให้ “ก้าวไกล” ส่วนหนึ่งมาจาก “ทีมห้องแอร์” ที่วางยุทธศาสตร์หาเสียงผิดพลาด รวมถึงการจัดวางตัว อดีตผู้สมัคร ส.ส. ในหลายพื้นที่ มีปัญหา เพราะมีการเล่นพรรคเล่นพวก จน “เพื่อไทย” พังพาบ

ปัญหาคลางแคลงใจระหว่าง “ทีม ส.ส.” สายเหนือ-สายอีสาน กับ “ทีมห้องแอร์” จึงเพิ่มทวีคูณ 

ยิ่งจังหวะก้าวของ “ภูมิธรรม” ยอมยกธงขาว ยกเก้าอี้ “ประธานสภาฯ” ให้ “ก้าวไกล” จึงเข้าทาง “ทีม ส.ส.” ได้โอกาส แท็คทีมออกมาจัดหนัก

อย่างไรก็ตาม ต้องจับตาว่า “ทีม ส.ส.” สายเหนือ-สายอีสาน จะต่อความยาวสาวความยืด หรือดึงเกมไปถึงไหน เพราะอีกด้านกำลังถูกจับตาว่า เมื่อใดที่ “เพื่อไทย” แตกกันเอง อาจเข้าทาง “มือมืด” ที่จ้องเข้ามาเสียบ หลังจากเคยเสี้ยม และพร้อมเปย์

ที่สำคัญ การจัดสรรโควตา รัฐมนตรี  ข้าราชการการเมือง ประธานกรรมาธิการ จะต้องแบ่งปันกันอย่างเท่าเทียม หาก “ทีมห้องแอร์” จ้องกินรวบ ฟันธงได้เลยว่า เที่ยวนี้ “ทีม ส.ส.” ไม่ยอมแน่

งานสัมมนา “เพื่อไทย” ที่่จะมี 141 ส.ส. เข้าร่วมอบรมที่โรงแรม เอส ซี ปาร์ค กรุงเทพฯ ในวันนี้ (21 มิ.ย.66)  จึงน่าจับตาว่า “ทีม ส.ส.” กับ “ทีมห้องแอร์” จะฟาดฟันเอาเป็นเอาตายกันมากน้อยเพียงใด 

หากไม่สามารถเคลียร์ปัญหาภายในพรรคได้ อาจส่งผลต่อการโหวตเลือก “ประธานสภาฯ” และเป็นอาจเป็นจุดเปลี่ยนในการโหวตเลือก “นายกรัฐมนตรี” ก็เป็นได้