คดีรีดเงิน 140 ล้าน ศาลออกหมายจับ 3 พลเรือน ร่วมฉกทรัพย์-ติดสินบน ตร.ไซเบอร์

คดีรีดเงิน 140 ล้าน ศาลออกหมายจับ 3 พลเรือน ร่วมฉกทรัพย์-ติดสินบน ตร.ไซเบอร์

คดีรีดเงิน 140 ล้าน ศาลออกหมายจับ 3 พลเรือน ร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน และร่วมกันในการกระทำการเอาทรัพย์ผู้อื่นไป โดย "นายต้น-นายบอย" หลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านแล้ว อีก 10-11 ตำรวจที่เกี่ยวข้องให้ทะยอยมอบตัว เริ่มพรุ่งนี้

ความคืบหน้าคดีแก๊งตำรวจ รีดเงิน 140 ล้านบาท พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ศาลอนุมัติหมายจับพลเรือนที่เกี่ยวข้องแล้ว 3 คน คือ นายต้น นายบอย และภรรยาของนายบอย ใน 2 ข้อหา คือร่วมกันติดสินบนเจ้าพนักงาน และร่วมกันในการกระทำการเอาทรัพย์ผู้อื่นไป โดยนายต้นและนายบอยหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่วันเกิดเหตุแล้ว โดยออกนอกประเทศอย่างถูกต้อง คาดว่ามีสายที่เป็นตำรวจรายงาน แต่จะประสานประเทศปลายทางนำตัวกลับมาดำเนินคดี

ส่วนตำรวจที่เกี่ยวข้อง มีประมาณ 11-12 คน ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี จึงไม่ได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ แต่จะประสานผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดทยอยพามามอบตัวตั้งแต่วันพรุ่งนี้ โดยหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการรีดทรัพย์ อยู่ในระหว่างการรวบรวม และตรวจสอบเส้นทางการเงินกับธนาคาร และข้อมูลทางโทรศัพท์ ซึ่งจะไล่ทั้งหมด และตรวจสอบย้อนหลังด้วยว่ามีความเชื่อมโยงกับตำรวจกลุ่มไหนอีกบ้าง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

โดยตำรวจ 2 คนที่มาพบพนักงานสอบสวนวันนี้ จะแจ้ง 4 ข้อหาคือ

  1. เรียกรับผลประโยชน์
  2. ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ
  3. ข่มขืนใจผู้อื่นให้ได้ทรัพย์สิน
  4. กักขังหน่วงเหนี่ยว

ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาสามารถใช้ตำแหน่งในการประกันตัว โดยต้องให้ความเป็นธรรม ตราบใดที่ศาลไม่พิพากษา ถือว่ายังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่

ส่วนการดำเนินการทางวินัย จะพิจารณาจากพยานหลักฐาน ซึ่งขึ้นอยู่กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจะพิจารณาว่าจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง หรือให้ออกจากราชการไว้ก่อน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยอีกว่า เมื่อวานนี้ (17 มิ.ย.66) ตนเองเพิ่งเจอ พล.ต.ต.กัมพล ลีลาประภากรณ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ในงานศพพ่อของ ผบ.ตร. ได้พูดคุยกัน เพราะส่วนตัวก็เคยทำงานร่วมกัน เคยสนิทสนมกัน โดยตนเองก็แนะนำไปว่า “อะไรเป็นความจริงก็ต้องว่ากันตามความจริง” พร้อมบอกว่า ส่วนตัวไม่ได้บาดหมางหรือเป็นศัตรูต่อกัน แต่ทำตามหน้าที่ ขอให้ผู้การเตรียมข้อมูลและหลักฐานมาให้ข้อเท็จจริง ซึ่งผู้การไม่ได้ตอบอะไรกลับมา

เมื่อถามถึงฐานที่ตั้งของเว็บพนันที่ตำรวจกลุ่มนี้เข้าไปจับกุม อยู่ในพื้นที่ของตำรวจภูธรภาค 1 หรือไม่ เหตุใดจึงเป็นชุดของตำรวจภูธรภาค 2 เข้าไปจับกุม พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้ตอบคำถามนี้ บอกแต่ว่า ตำรวจภูธรภาค 2 มีการสืบสวนขยายผลจนมาเจอเครือข่ายนี้ โดยเครือข่ายเว็บพนันดังกล่าว เป็นเว็บใหญ่ ทุนหมุนเวียนนับ 100 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีตำรวจเกี่ยวข้อง

ส่วนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับกลุ่มเว็บพนันที่เข้ามาแจ้งความหรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา อยู่ระหว่างสืบสวน หากพบความผิดก็จะดำเนินคดี แต่ตอนนี้ขอดำเนินการส่วนของกลุ่มไปรีดทรัพย์ก่อน โดยจะเรียกนายเป้มาสอบปากคำในฐานะผู้เสียหายอีกครั้ง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวเพิ่มว่า คดีรีดเงิน 140 ล้านบาท นี้เป็นคดีแรกในไทยที่จะใช้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เนื่องจากตามแนวทางปฏิบัติ เจ้าหน้าที่จะต้องมีการบันทึกภาพและเสียงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่แรก แต่ครั้งนี้ไม่มีการดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว มีเพียงการเข้ามาทำบันทึกจับกุมตามขั้นตอนเท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีการแจ้งพนักงานอัยการและพนักงานฝ่ายปกครองใน ท้องที่ที่มีการควบคุมตัวทราบ

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า กลางดึกวานนี้ (17 มิ.ย.) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว 1 ราย คือ พ.ต.ต.พรเทพ เพ็ชรนวล สว.สส.สภ.วังจันทร์ จว.ระยอง ซึ่งหลังรับทราบข้อหา พนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวไปแล้ว