'นิพนธ์' ชี้ปัญหาชายแดนใต้ ช่วง10 ปีทิศทางดีขึ้น ห่วงเคลื่อนไหวเกินขอบเขต

'นิพนธ์' ชี้ปัญหาชายแดนใต้ ช่วง10 ปีทิศทางดีขึ้น ห่วงเคลื่อนไหวเกินขอบเขต

"นิพนธ์" ลั่นความมั่นคงของประเทศต้องไม่มีช่องว่าง ชี้ปัญหาชายแดนใต้ 10 ปีที่ผ่านมา มีทิศทางดีขึ้นตามลำดับ ห่วงการเคลื่อนไหวที่เกินขอบเขต อาจถูกต่างชาติแทรกแซง เตือนนักการเมืองอย่านำเรื่องความมั่นคงมาต่อรองคะแนนเสียง

เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.66 ในรายการ TOP NEWS Talk นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมพูดคุยประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ โดยนายนิพนธ์ ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นช่วงหนึ่งว่า การแก้ไขปัญหาที่ผ่านมา 10 ปี มีทิศทางดีขึ้นตามลำดับ มีการเปิดการเจรจาพูดคุยกับกลุ่มต่างๆ ซึ่งการมีส่วนร่วมในทางการเมืองด้วยการกระจายอำนาจมากขึ้นเป็นสิ่งที่ทุกคนเห็นร่วมกันมากที่สุด

ดังนั้น ตนจึงคิดว่าหากสามารถประกาศจุดยืนว่าจะกระจายอำนาจให้แก่ สามจังหวัดชายแดนใต้เป็นกรณีพิเศษ หรือมีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เช่น จะมีระบบการคลัง งบประมาณ หรือการจัดเก็บภาษีอย่างไรจึงจะเหมาะสม เนื่องจากสามจังหวัดชายแดนใต้นั้นสามารถจัดเก็บภาษีได้น้อยส่งผลให้มีรายรับต่อหัวน้อยมาก ซึ่งหากจัดเก็บภาษีได้น้อยก็จะมีงบในการดูแลจังหวัดน้อยเช่นเดียวกัน 

นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า ในอดีตพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีปัญหาเกี่ยวกับการใช้กฎหมายและความยุติธรรม ปัญหาเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปัญหาเรื่องการศึกษา ปัญหาเรื่องความยากจนในพื้นที่ ซึ่งปัญหาเหล่านี้เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยที่ผ่านมาได้มีการแก้ไขปัญหาในบางส่วนแล้ว อาทิ เรื่องการใช้กฎหมายก็ได้แก้กฎหมายไม่ให้มีการซ้อมทรมานโดยการแก้ไขมาเป็นระยะ นอกจากนี้เรื่องของการศึกษา

ปัจจุบันก็มีมหาวิทยาลัยเกิดขึ้นแล้วทั้งสามจังหวัดโดยการเรียนการสอนในสาขาวิชาต่าง ๆ ครอบคลุมทั้งการแพทย์ วิศวกรรมศาสตร์ ซึ่งจะต้องมีการยกระดับคุณภาพทางการศึกษาในระยะต่อไป ที่ยังคงเหลืออยู่คือปัญหาความยากจนของประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐจะต้องหาแนวทางในการแก้ไขรวมถึงการสร้างงานให้กับคนในพื้นที่ให้สามารถทำงานในจังหวัดตนเองได้ โดยไม่ต้องเดินทางมาทำงานที่ต่างจังหวัด ซึ่งจะทำให้สามจังหวัดมีรายได้จากการจัดเก็บภาษี 

ส่วนในเรื่องของประเด็นที่กำลังมีการสำรวจความเห็นนั้น ตนก็ได้ทำการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เท่าที่ตนทราบนั้นประเด็นนี้มีการตอบรับจากกลุ่มคนที่เห็นต่างหลายกลุ่ม ซึ่งตนได้พบกับกลุ่มต่างประเทศและได้สอบถามถึงเรื่องราวโดยได้ข้อสรุปว่ากลุ่มคนที่เห็นต่างเหล่านั้นไม่ได้มีความต้องการถึงขั้นที่จะแบ่งแยกดินแดน เพียงแต่ให้มีส่วนร่วมทางการเมืองที่มากขึ้นเท่านั้น เช่น เรื่องการกระจายอำนาจที่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคนในพื้นที่ และเมื่อคราวที่ผู้นำของประเทศเพื่อนบ้านมาเยือนไทยก็ได้มีการหยิบยกเรื่องนี้มาหารือบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้สร้างผลกระทบใด ๆ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงก็จะต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ สิ่งที่น่ากลัวคือ หากมีการเคลื่อนไหวที่เกินขอบเขต อาจเกิดการแทรกแซงจากต่างประเทศที่จะใช้เป็นข้ออ้าง เพราะเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องภายในประเทศและตนพยายามทุกครั้งที่จะระมัดระวังในการใช้คำพูด ดังนั้นจึงไม่อยากให้เปิดช่องให้ต่างประเทศเข้ามาแทรกแซงได้ เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาภายในประเทศที่สามารถพูดคุย เจรจากันได้ รวมถึงใช้เวลามาเป็นเวลานานแล้วซึ่งมองเห็นทางออกร่วมกัน เห็นพ้องไปในทางเดียวกันได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เห็นพ้องถึงการให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันหาข้อตกลงร่วมกันเพื่อยุติปัญหาของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วร่วม6,000ราย อีกทั้งงบประมาณที่ได้ใช้ไปรวมกว่า 500,000 ล้านนั้นก็เป็นงบประมาณที่มากพอสมควรเมื่อเทียบกับความคุ้มค่านั้นก็ยังไม่เหมาะสมเท่าใด 

ในส่วนเรื่องของการทำงานของรัฐบาลรักษาการนั้น ตนเชื่อว่ายังสามารถทำหน้าที่และปฏิบัติภารกิจต่อไปได้ ซึ่งปัญหานี้เป็นเรื่องของความมั่นคงที่รัฐบาลไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดใหม่หรือรัฐบาลรักษาการพึงกระทำ เพราะความมั่นคงของชาติต้องไม่มีช่องว่าง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ลดการตื่นตระหนกของประชาชนในพื้นที่ สิ่งที่ดีที่สุดในขณะนี้คือการเดินหน้าพูดคุยกับกลุ่มต่าง ๆ เพื่อไม่ให้สิ่งที่ได้ทำลงไปกว่า 10 ปีต้องสูญเปล่า 

ในตอนท้าย นายนิพนธ์ได้กล่าวถึงนักการเมืองที่มีความพยายามนำเรื่องความมั่นคงมาหาคะแนนเสียง มาเป็นเงื่อนไขหรือเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน เรื่องนี้ต้องระมัดระวังให้มาก 

\'นิพนธ์\' ชี้ปัญหาชายแดนใต้ ช่วง10 ปีทิศทางดีขึ้น ห่วงเคลื่อนไหวเกินขอบเขต