“สามารถ” ยันสถานะไอทีวียังเป็นนิติบุคคล ยกม.151 ปมเสี่ยง “พิธา”

“สามารถ” ยันสถานะไอทีวียังเป็นนิติบุคคล ยกม.151 ปมเสี่ยง “พิธา”

“สามารถ” ยกคำสั่งศาลยันไอทีวียังมีสถานะเป็นนิติบุคคล ไม่ใช่การฟื้นคืนชีพ ยกม.151 ชี้ปมถือหุ้น “พิธา” ส่อถูกตัดสิทธิ เรียกคืนเงินเดือนย้อนหลัง

นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณี กกต.มีมติไม่รับ 3 คำร้องกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี มีคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ในการสมัครรับเลือกตั้ง เหตุการณ์การถือหุ้นไอทีวี แต่ให้รับเรื่องไว้พจิารณาตาม มาตรา 151 นั้นว่า นายพิธารู้อยู่แล้วเรื่องการขาดคุณสมบัติเป็น ส.ส.และนายกรัฐมนตรี  เพราะต้องห้ามตามมาตรา 98(3 ) และขัดรัฐธรรมนูญตามมาตรา 160 เพราะถือหุ้นสื่อไอทีวี  

แต่ศาลปกครองต้องวินิจฉัยว่า การที่ไอทีวีดำเนินการร้องกับหน่วยงานรัฐว่า การยกเลิกไอทีวีไม่ชอบธรรม ต้องไปดูคำสั่งศาล   แต่หุ้นไอทีวีไม่ใช่การฟื้นคืนชีพ  แต่มีการร้องเรียนมาตั้งแต่ต้น รัฐธรรมนูญก็วางหลักชัดเจนว่าตราบใดยังไม่มีคำสั่งศาล ผู้นั้นยังเป็นผู้บริสุทธิ์ หมายความว่า ไอทีวีเป็นนิติบุคคล การถูกสั่งให้ปิดชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ แต่หลักฐานส่งไปกกต. นั้น มีการรับรองของผู้ถือหุ้น ว่าไอทีวี ประกอบกิจการสื่อหรือไม่ เรื่องนี้ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง เพราะกฎหมายเขียนมาก่อนตั้งแต่นายพิธา สมัคร ส.ส. แล้ว 

 

“อย่าว่าแต่ 42,000 หุ้นเลย แค่หุ้นเดียวก็ผิดแล้ว  คนไม่รู้กฎหมายอาจไม่เข้าใจ เรื่องนี้ไม่ได้กลั่นแกล้งนายพิธาแม้แต่น้อยเพราะรัฐธรรมนูญปี 60 เขียนก่อนนายพิธา จะสมัครเป็น ส.ส.ด้วยซ้ำ  ก่อนนายพิธาจะสมัครเป็นนายกฯ นายพิธารู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ แต่เลือกไม่พูดประเด็นนี้  เหตุการณ์นี้ไม่มีใครกลั่นแกล้งนายพิธาทำตัวเอง”

นายสามารถ กล่าวต่อว่า กกต. ก็ต้องทำตามอำนาจตามมาตรา 151  ซึ่งในมาตรานี้ ระบุชัดว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ต้องห้าม ในการสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ทำหนังสือระวางโทษ 1-10 ปีและปรับ 20000-200000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์รับเลือกตั้ง 20 ปี   

หากเป็น ส.ส. ก็ต้อง คืนเงินประจำตำแหน่ง  รวมถึงประโยชน์ที่ได้จากตำแหน่งดังกล่าว ตั้งแต่นายพิธา เป็น ส.ส.ตั้งแต่ ปี 2562 ซึ่ง กกต.สามารถดำเนินการได้เลย   แต่หาก กกต. รับรองให้นาย พิธา เป็น ส.ส.แล้ว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82  กำหนดไว้ว่า ส.ส. จำนวน 50 คน หรือ ส.ว. จำนวน 25 คน  หรือแม่แต่หน่วยงานอย่าง กกต ก็สามารถยื่นคำร้องกรณีนายพิธา ต่อศาลรัฐธรรมนูญได้อีก ด้วย

“ การเป็น ส.ส.ของนายพิธา นั้น มีคุณสมบัติหรือไม่  ถ้าไม่มีศาลก็เพิกถอนได้  ไม่ใช่แค่ ส.ส. หรือ ส.ว. หน่วยงาน กกต.ก็สามารถยื่นเรื่องนี้ได้ เรื่องนี้ไม่มีใครกลั่นแกล้ง อย่าลืมว่า พรบ.เลือกตั้ง ใน ม.54 กรณีสงสัย ว่านายพิธาขาดคุณสมบัติหลังเลือกตั้ง ก็สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ และยังส่งฟ้องอาญาอีกรอบได้ด้วย ในกรณีที่ คำร้อง 3 ผู้ร้อง ที่ถูกตีตกไปหมดเนื่องจากเป็นคำร้องให้วินิจฉัยลักษณะต้องห้ามของ “ผู้สมัคร” ซึ่งยื่นเกิน 7 วันนับแต่ประกาศชื่อ ซึ่งมัน ขัดระเบียบ กกตว่าด้วยการ เลือกตั้ง.สส  ข้อ 115

ตอนนี้นักร้อง 3 คนชวดหมด  แต่อาจจะมีผู้ร้องรายใหม่ จะยื่นเป็นผู้ร้องตามมาตรา 151 เมื่อได้รับรองนายพิธาเป็น สส.แล้วแต่ต้องเปลี่ยนเป็นขอให้วินิจฉัยลักษณะต้องห้ามของ ส.ส.เพื่อส่งศาล รัฐธรรมนูญให้วินิจฉัย  ตาม มาตรา 82 วรรคสี่ ซึ่งถ้าไม่มีผู้ร้อง กกต.ก็หยิบยกขึ้นดำเนินการได้เองในฐานะ “มีความปรากฏ”

นายสามารถ กล่าวทิ้งท้ายว่า นายพิธาไม่น่ารอด ถ้าศาลพิจารณาเรื่องหุ้นสื่อแล้ว ปรากฏว่า itv ยังประกอบกิจการอยู่  เรื่องนี้ไม่ต้องโทษใคร ผมเองก็มั่นใจว่า คุณพิธาก็อยากให้แบบนั้น ตามแผน กระเบื้องล่อหยก  เพราะรู้ว่ารอบนี้ไม่มีคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรี