'สมชาย' เสนอ 5 ข้อถึง กกต.ปมหุ้นไอทีวี ให้รับรอง 'พิธา' ส.ส.ส่งศาล รธน.ชี้ขาด

'สมชาย' เสนอ 5 ข้อถึง กกต.ปมหุ้นไอทีวี ให้รับรอง 'พิธา' ส.ส.ส่งศาล รธน.ชี้ขาด

'สมชาย แสวงการ' เล่าปริศนาธรรมการเมืองเรื่องหุ้นไอทีวี เปรียบเป็นนิตินิยายนิติกรรมอำพราง เสนอ 5 ข้อถึง กกต.พิจารณา ให้รับรอง 'พิธา' เป็น ส.ส.ก่อนชงศาล รธน.ชี้ขาดปมรู้อยู่แล้วไม่มีสิทธิ แต่ยังลงเลือกตั้ง ส.ส.ตาม ม.151 กฎหมายเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2566 นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึง ปริศนาธรรมการเมือง เรื่องหุ้นของบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือ ITV มีรายละเอียดดังนี้

นิตินิยายนิติกรรมอำพรางเรื่องหุ้น ITV จะไปต่ออย่างไร เมื่อคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)ไม่รับคำร้องหุ้นสื่อ ITV ของ3ผู้ร้องแล้ว แต่รับไว้เองในฐานะความปรากฏต่อ กกต. เพื่อดำเนินคดีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสส. มาตราตรา 151 แล้ว ขอเสนอความเห็นเพื่อ กกต.พิจารณาดำเนินการตามที่เห็นสมควรในขั้นตอนต่างๆดังนี้

1. รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยเร็วหรือภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไม่เกิน 60 วันนับแต่วันเลือกตั้ง

2. หลังการรับรอง ส.ส.แล้ว กกต.ต้องเป็นผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเองในฐานะความปรากฎแก่กกต โดยใช้ตามมาตรา 82 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า

2.1 นายพิธาขาดคุณสมบัติและขัดรัฐธรรมนูญตามลักษณะต้องห้ามการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรตามรัฐธรรมนูญมาตรา101 (6)ประกอบมาตรา98(3)

2.2ขาดคุณสมบัติแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา88 มาตรา89 และมาตรา160

กรณีนี้จึงไม่จำเป็นต้องให้สส.เข้าชื่อ 1 ใน 10 ร้องต่อประธานสภา เพื่อขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 อีก เพราะความปรากฎตามที่กกต.รับไว้เองและกกต.ต้องสอบสวนจนมีพยานหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า นายพิธา น่ามีลักษณะต้องห้ามอันเป็นการขาดคุณสมบัติสสและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีแล้ว จึงร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย

3.กกต.ร้องขอต่อศาลรัฐธรรมนูญให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ เช่นเดียวกับคดีอื่นๆที่ผ่านมา เช่นคดีที่กกต ร้องคดีนายธนาธร หรือ คดีที่ สส.พรรคร่วมฝ่ายค้านเข้าชื่อร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญคดีวาระ8ปี ของพลเอกประยุทธ์ ฯลฯ

โดยขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลจะมีคําวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง และขอให้มีคําสั่งกําหนดมาตรการหรือวิธีการใด ๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัยตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561มาตรา 71

4.กกต.ยื่นดำเนินคดีอาญาต่อเจ้าพนักงาน ตำรวจ อัยการ ในความผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส มาตรา 151 ประกอบมาตรา 42 (3)

ในข้อหารู้อยู่แล้วว่า ตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สมัครรับเลือกตั้งหรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อของตนเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ กรณีถือหุ้นสื่อITV

คดีนี้มีบทลงโทษจำคุก 1-10 ปี โทษปรับ 20,000-200,000 บาท และตัดสิทธิการเมือง 20 ปี

5.อัยการพิจารณาคำสั่งฟ้องตามความผิดฐานดังกล่าวต่อนายพิธาหรือไม่

เรื่องนี้เป็นกรณีที่กกต. ควรต้องสอบสวนและมีพยานหลักฐานให้หนักแน่นชัดเจนอย่างยิ่ง เพราะอัยการสูงสุดเคยมีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องนาย ธนาธร มาแล้ว โดยคดีดังกล่าว อัยการระบุว่า พยานหลักฐานไม่เพียงพอที่จะสั่งฟ้อง และดูเจตนาจากพยานหลักฐานแล้ว น่าจะไม่มีความผิดกฎหมายอาญา

ถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเรื่องคุณสมบัติของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของนายธนาธร ให้พ้นสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ไปแล้วก็ตาม แต่อัยการสูงสุดก็ยืนยันมีคำสั่งชี้ขาดไม่ฟ้องนายธนาธรมาแล้ว

โดยถือว่าเป็นการพิจารณากฎหมายคนละฉบับกัน

#เชื่อมั่นในหลักนิติธรรมเชื่อมั่นในศาลรัฐธรรมนูญ
#คำวินิจศาลรัฐธรรมนูญเป็นที่สุดและผูกพันทุกองค์กร