“ทรงวิทย์ หนุนภักดี” ผบ.ทหารสูงสุด คำประกาศิต “พล.อ.เฉลิมพล”

“ทรงวิทย์ หนุนภักดี” ผบ.ทหารสูงสุด   คำประกาศิต “พล.อ.เฉลิมพล”

หากตัดประเด็นลูกผู้ใหญ่ ระบบอุปถัมภ์ "พล.อ.ทรงวิทย์" สร้างผลงานไว้ไม่น้อย ทั้งดูแลประชาชาเหตุวิกฤติการเมือง งานชายแดนภาคใต้ อีกทั้งมีความรู้การทหาร-วิชาการ

ด้วยเหตุผลที่เป็น“ลูกชาย” พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี อดีต ผบ.ทบ.  ทำให้ “บิ๊กอ๊อฟ” พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รอง ผบ.ทสส.) ไม่เป็นที่ยอมรับของทหารบางกลุ่มในกองทัพ เพราะเชื่อว่าเติบโตมาได้ด้วยระบบอุปถัมภ์ หลังมีชื่อติดโผเป็น “ผบ.ทหารสูงสุด” คนต่อไป

ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงคุณสมบัติ เพราะ “ผบ.ทหารสูงสุด” ต้องเป็นประธานมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร ในขณะ “พล.อ.ทรงวิทย์” เข้าเรียนโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 24 ได้ไม่ถึงเดือน เพราะมีปัญหาเรื่องการปรับตัว จึงไปสอบเข้าโรงเรียนทหารบกที่เวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา หรือนายร้อย VMI (Virginia Military Institute) และไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อย จปร.

ไม่ต่างกับ “บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่ถูกดิสเครดิตจากทหารด้วยกันเอง ว่าเป็น “ผบ.ทบ.” ที่เติบโตมาจากระบบอุปถัมภ์ ได้รับการผลักดันจาก “บิ๊กจ๊อด” พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.ผู้เป็นบิดา อีกทั้งยังเรียนซ้ำชั้น ไม่จบพร้อมเพื่อน ตท.20 และไม่ผ่านหลักสูตรจู่โจมของกองทัพบก (เสือคาบดาบ หรือการรบแบบจู่โจม RANGER )

ประเด็นนี้ สร้างความกดดันและอึดอัดใจให้ พล.อ.ทรงวิทย์ ตั้งแต่เริ่มรับราชการ ทุกครั้งที่ได้เลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง จะมาพร้อมกับคำสบประมาทผ่านเข้าหู “ลูกผู้ใหญ่ในกองทัพ ใกล้ชิดคนใหญ่ คนโต”

แม้ตอน พล.อ.ทรงวิทย์ ถูกโยกจากหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำ ผบ.ทบ. มาเป็น รอง ผบ.ทสส. ก็สร้างแรงกระเพื่อมจากคนกองบัญชาการกองทัพไทยไม่น้อย เพราะ“ปิดทาง”ทหารคอเขียว ลูกหม้อกองทัพไทยที่เติบโตมาตามเส้นทางอย่าง “ บิ๊กจ่อย” พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง เสธ.ทหาร (ตท.24) ขึ้นสู่เก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุด 

“เด็กบิ๊กแดง ทหารคอแดง ”

ขณะที่ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุดคนปัจุบัน รับรู้ได้ถึงแรงกระเพื่อมนี้มาระยะหนึ่งแล้วว่า ทหารคอเขียวก่อหวอดต่อต้านทหารคอแดง จึงพยายามไกล่เกลี่ย ให้ความเป็นธรรม ด้วยการผลักดันคนในสู่เก้าอี้สำคัญอื่นๆ ยกเว้นตำแหน่งสูงสุดนี้

“พล.อ.ทรงวิทย์ เป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถ ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และจะเป็น ผบ.ทหารสูงสุดคนต่อไป” คำประกาศของ พล.อ.เฉลิมพล

ทำเอาลูกหม้อกองทัพไทยคอตก ผิดหวังไปตามๆ กัน เพราะก่อนหน้านี้ “บิ๊กโจ้” พล.อ.ณตฐพล บุญงาม อดีตเสนาธิการทหาร “บิ๊กไก่” พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขา สมช.คนปัจจุบัน ล่าสุด “บิ๊กจ่อย” และอนาคตตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด มีแนวโน้มถูกล็อคไว้ให้ทหารคอแดง ไม่ต่างกับเก้าอี้ ผบ.ทบ.ที่ตัดโอกาสทหารคอเขียวโดยสิ้นเชิง

ทั้งนี้ หากไม่มองประเด็นลูกผู้ใหญ่ ระบบอุปถัมภ์ พล.อ.ทรงวิทย์ ก็สร้างผลงานไว้ไม่น้อย หากยังจำกันได้ ช่วงเหตุชุมนุมทางการเมืองปี 2556 ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผบ.ร.11 รอ. นำกำลังไปช่วยนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ตกอยู่ในวงล้อมการปะทะ และช่วยเหลือนักข่าวที่ติดอยู่ในป้อมตำรวจจากเหตุปะทะบริเวณหลักสี่

อีกทั้ง พล.อ.ทรงวิทย์ ยังมีความโดดเด่นด้านภาษา การทหาร งานวิชาการ เคยเป็นผู้บังคับกองพัน ผบ.ร.11 พัน 3 รอ. เคยลงปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตำแหน่ง ผบ.ฉก.เพชราวุธ ผู้บังคับการกรม ผบ.ร.11 รอ.

ก่อนเป็น ผบ.พล.1 รอ. คุมกำลังรบกองทัพภาคที่ 1 และเป็นทหารคอแดง ใน ฉก.ทอ.รอ.904 แต่ไม่ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 บันไดขั้นแรกที่จะก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ ผบ.ทบ ด้วยการติดยศพลโท ในตำแหน่งรอง เสธ.ทบ. และหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำ ผบ.ทบ. ตำแหน่งสุดท้าย ก่อนถูกโยกไป กองทัพไทย

เชื่อกันว่า สาเหตุหนึ่งที่ พล.อ.ทรงวิทย์ พลาดเก้าอี้ ผบ.ทบ. เนื่องจากติดม่านประเพณีกองทัพบก ที่ไม่ได้จบโรงเรียน จปร. จึงต้องโยกข้ามห้วยไปกองทัพไทย เป็น ผบ.ทสส. ต่อจาก พล.อ.เฉลิมพล

จากนี้ไปคงต้องติดตามว่า คำประกาศิตของ พล.อ.เฉลิมพล จะศักดิ์สิทธิ์พอจะลดแรงกระเพื่อมภายในกองทัพไทยได้หรือไม่ หรือจะกลายเป็นความน้อยเนื้อต่ำใจ จนก่อหวอดทวงคืนเก้าอี้ ผบ.ทหารสูงสุดให้ลูกหม้อของกองทัพไทย