‘นายแม่’ ตระกูลชินวัตร คุมเกม ‘ค้านลูก-เบรกพ่อ’ รอเลือกข้าง

‘นายแม่’ ตระกูลชินวัตร คุมเกม   ‘ค้านลูก-เบรกพ่อ’ รอเลือกข้าง

“พจมาน” บัญชาเกม ถอน “อุ๊งอิ๊ง” ออกจากเก้าอี้นายกฯ กล่อม “ทักษิณ” ไม่ให้เร่งรีบกลับไทย เสมือน “คนคุมเกม” คอยยืนดูเสือ สิงห์ กระทิง เปิดฉากรบกันอยู่บนภู ใครมีแนวโน้มจะชนะ ค่อยเลือกข้างก็ยังไม่สาย ในเมื่อ 141 เสียงของ “เพื่อไทย” คือตัวกำหนดชะตาทางการเมือง

ข่าวคราวครอบครัวชินวัตร ประกอบด้วย “คุณหญิงอ้อ” พจมาน ดามาพงศ์ "เอม" พินทองทา คุณากรวงศ์ และสามี “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ร่วมรับประทานอาหารพร้อมหน้ากัน ก่อนส่งสัญญาณถึงทิศทางครอบครัว-ทิศทางการเมือง ฟันธงได้ว่า ไม่ใช่ข่าวปล่อย-ข่าวลวง

ยี่ห้อ “โทนี่” ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไล่เช็คต้นสายปลายข่าว ย่อมรู้ดีว่าข่าวไหนลวง และมักจะออกมาตอบโต้ทันที 

เช่น กระแสข่าวดีลลับฮ่องกงจับมือจัดตั้งรัฐบาล“ข้ามขั้ว” ผสมกับ “ขั้วรัฐบาลเดิม” ทักษิณทวีตคล้อยหลังข่าวออกไม่เกิน 2 ชั่วโมง ตอบโต้ทันว่าอยู่ “ดูไบ” ไม่ได้เดินทางไปฮ่องกง ดับกระแสข่าวทันควัน เพื่อไม่ให้ “8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล” ต้องตั้งแง่สงสัยข้ามคืนข้ามวัน

แตกต่างจากข่าววงในจาก “ครอบครัวชินวัตร” ทั้ง “ทักษิณ-แพทองธาร” รูดซิปปาก เงียบกริบ ไม่มีทีท่าจะปฏิเสธ 

ขณะที่ “ขุนพลเพื่อไทย” ไล่เช็คข่าวกันจ้าละหวั่น เพราะต้องประเมินท่าทีของ “นายใหญ่-นายหญิง” จะเคลื่อนหมากการเมืองอย่างไร

สัญญาณการเมืองจากคุณหญิงอ้อ จึงชัดเจนพอจะคอนเฟิร์มได้แล้วว่า คิวแรกของนายกฯเพื่อไทย ไม่ใช่“อุ๊งอิ๊ง”  แม้จะมีคนรอบข้าง ส่งเสียงเชียร์ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง หรือติดกับดักเสียง 250 ส.ว. ไม่เพียงพอจะปีนไปถึง 376 เสียง จนทำให้ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลไปไม่ถึงฝั่งฝัน  

ทำให้ “กองเชียร์” ภายในพรรคเพื่อไทย จากเดิมที่มีความหวังกับนายกฯ “อุ๊งอิ๊ง” แต่เมื่อโดน “คุณหญิงอ้อ และครอบครัวชินวัตร” แตะเบรก เพราะอ่านกลเกมการเมืองแล้วว่า ยังไม่ถึงเวลา รออีก 5 ปี ก็ยังไม่สาย

ใครก็รู้ว่า “พจมาน” รักลูกหมดหัวใจ จะปล่อยให้ลูกสาวมาเสี่ยงในกลเกมการเมืองที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ “อดีตสตรีหมายเลขหนึ่ง” คงไม่ยอม เพราะรู้ดีว่า “เครือข่ายอำนาจเก่า” ยังไม่หมดฤทธิ์หมดเดช ยังมีกลไกในองค์กรต่างๆ แฝงตัวอยู่แทบทุกองคาพยพการเมือง

“พจมาน” ที่ได้ชื่อว่าเหยียบหิมะไร้ร่องรอย คอยดีลการเมืองหลังฉาก คอยบัญชาการเกมหลังบ้าน ย่อมไม่ตีไพ่โง่ ปล่อย “ขุนศึก” อย่าง “อุ๊งอิ๊ง” ไปเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายก่อนเวลาอันควร รอให้ศึกสงบแล้วค่อยตีไพ่ทีเด็ดย่อมดีกว่า

ต้องยอมรับว่าหากไม่มี “อุ๊งอิ๊ง” ทายาทรุ่นต่อไปในสนามการเมืองของ “ครอบครัวชินวัตร” ไม่มีตัวให้เล่นแล้ว จะเหลือเพียงแค่ "ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์" สามี “พินทองทา” ซึ่งเป็นตัวหลักในการดูแลธุรกิจ ครอบครัวก็อาจไม่ไฟเขียวเช่นกัน

เช่นเดียวกับการเบรกไม่ให้ “ทักษิณ” กลับไทย ตามไทม์ไลน์ที่เจ้าตัววางไว้ คือภายในเดือน ก.ค. เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการเมืองร้อน ซึ่งคาดการณ์ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะรับรอง ส.ส. ในช่วงกลางเดือน ก.ค. ฉะนั้นช่วงปลาย ก.ค. จะอยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล

ช่วงเวลาที่เหมาะสมของ “ครอบครัวชินวัตร” จึงมองไปที่ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลจาก “ขั้วใด” ย่อมส่งผลดีกว่า เพราะสมการการจัดตั้งรัฐบาล ย่อมมีพรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งอย่างแน่นอน เพราะ 141 เสียงของพรรคเพื่อไทย สามารถสวิงไปได้ทุกขั้ว

แต่หาก “ทักษิณ” ยังยึดมั่นถือมั่นคำสัญญา ที่ลั่นวาจาเอาไว้ จะกลับภายในเดือน ก.ค. คีย์เวิร์ดที่สำคัญจากหลังบ้านคือ “ไม่มั่นใจว่าจะถูกหลอกหรือไม่” ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า การกลับมาภายในเดือน ก.ค. ของ “ทักษิณ” อาจจะมีดีลลับ-ดีลรัก เกิดขึ้นแล้ว แต่เมื่อสถานการณ์ยังไม่นิ่ง การขอเลื่อนนัดหมายออกไปก่อน อาจจะปลอดภัยมากกว่า

แถมคีย์เวิร์ดดังกล่าวยังยืนยันอีกว่า “ทักษิณ” คงได้สัญญาณลับให้กลับบ้านหลายครั้งแล้ว แต่ที่ผ่านมามักจะมี “มือที่สาม” มาหลอก มาล่อ จนต้องเสียคำพูดหลายครั้ง ระยะหลังเมื่อ “ทักษิณ” บอกจะกลับบ้าน จึงแทบจะไม่มีคนเชื่อ

อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามดูท่าทีของ “ทักษิณ” ที่ซุ่มเงียบ ว่าจะคิดอ่านเกมการเมืองอย่างไร เมื่อภายในร้อนรุ่มอยากกลับบ้าน-กลับไทย เพื่อมาอยู่กับครอบครัวในช่วงบั้นปลายชีวิต ไม่ต่างจาก “ครอบครัวชินวัตร” ที่ต้องการให้เสาหลักกลับมาอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

หลังจากนี้ ต้องจับตาบทบาทของ “พจมาน” แม้จะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อ แต่ฉากหลังไม่เคยหยุดนิ่ง อาจจะมีดีลลับกับ “เครือข่ายอำนาจ” หลายสาย ไม่เว้น “3 ป.” โดยเฉพาะ “ป.ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เคยเกื้อหนุนกันมา

เมื่อ “พจมาน” บัญชาเกม ถอน “อุ๊งอิ๊ง” ออกจากเก้าอี้นายกฯ กล่อม “ทักษิณ” ไม่ให้เร่งรีบกลับไทย เสมือน “คนคุมเกม” คอยยืนดูเสือ สิงห์ กระทิง เปิดฉากรบกันอยู่บนภู ใครมีแนวโน้มจะชนะ ค่อยเลือกข้างก็ยังไม่สาย ในเมื่อ 141 เสียงของ “เพื่อไทย” คือตัวกำหนดชะตาทางการเมือง