การเมืองไทยต้องชัดเจน เพื่อความเชื่อมั่นนักลงทุน

การเมืองไทยต้องชัดเจน เพื่อความเชื่อมั่นนักลงทุน

ไทยไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก ยิ่งสมัยนี้แต่ละประเทศต้องพึ่งพากันสูงกว่าในอดีต เกิดอะไรขึ้นในประเทศหนึ่งย่อมกระทบต่อประเทศอื่น ดังนั้นความเชื่อมั่นต่อประเทศจึงสำคัญต่อการเมืองไทยมาก

เป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่การเมืองไทยยังคงอึมครึม กรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี จากพรรคก้าวไกล พรรคการเมืองที่ชนะเลือกตั้งได้ที่นั่งมากเป็นอันดับหนึ่งยังต้องลุ้นกับหุ้นไอทีวี ดูเหมือนว่าสัปดาห์นี้การเมืองไทยมีมิติต่างประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เริ่มต้นจากสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวระหว่างการพบปะแรงงานกว่า 17,000 คน ที่นิคมอุตสาหกรรมคำตัน (Camton) จังหวัดกันดาล ถึงนโยบายแรงงานต่างด้าวของพรรคก้าวไกล โดยระบุว่า แผนการขับแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ลาว และเมียนมา อาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมาก ไม่ใช่แค่สามประเทศแต่ยังรวมถึงประเทศไทยด้วย

ไม่กี่วันหลังจากนั้นที่อีกซีกโลกหนึ่ง นายเคิร์ท แคมป์เบลล์ ผู้ประสานงานอินโด-แปซิฟิกของทำเนียบขาวกล่าวในงานเสวนาที่สถาบันฮัดสัน กลุ่มคลังสมองในกรุงวอชิงตัน

“สหรัฐจับตาการเลือกตั้งในประเทศไทย อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด และเรามองว่า ไทยกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบาง โดยเฉพาะในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ผมยืนยันว่าเป้าหมายของสหรัฐ คือ การสนับสนุนรัฐบาลประชาธิปไตยที่มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพในประเทศไทย และเราจะร่วมงานกับรัฐบาลไทยนับจากนี้”

ทั้งสองกรณีดูเผินๆ เหมือนต่างชาติแทรกแซงกิจการภายในของไทย แต่ถ้าเปิดใจให้กว้างอย่าลืมว่า ไทยไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก ยิ่งสมัยนี้แต่ละประเทศต้องพึ่งพากันสูงกว่าในอดีต เกิดอะไรขึ้นในประเทศหนึ่งย่อมกระทบต่อประเทศอื่น ดังนั้นความเชื่อมั่นต่อประเทศจึงสำคัญมาก ตัวอย่างล่าสุดแค่สื่อต่างประเทศรายงานว่า อีซูซุจะย้ายฐานการผลิตจากไทยไปอินโดนีเซีย ตื่นเช้ามาราคาหุ้นบริษัทผลิตอะไหล่ป้อนอีซูซุร่วงหนัก ผู้สื่อข่าวต้องเช็กข่าวกันให้วุ่นว่าความจริงเป็นอย่างไรกันแน่ กว่าจะได้ความชัดเจนก็ล่วงเข้าช่วงบ่าย นักลงทุนในตลาดเจ็บตัวกันไปแล้ว

ความตื่นตระหนกเรื่องอีซูซุนัยหนึ่งสะท้อนว่า หากนักลงทุนออกจากประเทศไทยย่อมไม่ใช่เรื่องดีต่อเศรษฐกิจ ซึ่งการที่นักลงทุนจะอยู่ในประเทศใดนานๆ พวกเขาต้องมีความเชื่อมั่น หันมามองเมืองไทยท่ามกลางสภาพการเมืองไม่แน่ไม่นอนแบบนี้อะไรที่จะสร้างความเชื่อมั่นได้บ้าง เลือกตั้งมาสองอาทิตย์แล้วยังไม่ชัดเจนว่า คนที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนจะได้นำพาประเทศจริงหรือไม่ สูตรการจัดตั้งรัฐบาลจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่ หาก ส.ส.บางคนไม่ได้รับการรับรอง ไม่มีอะไรชัดเจนเลยสักอย่าง

วันนี้โชคดีที่ผู้ผลิตรถรายใหญ่จากญี่ปุ่นออกมายืนยันแล้วว่ายังไม่ไปไหน แต่วันหน้าใครจะรับประกันได้ว่าจะไม่มีนักลงทุนต่างชาติย้ายออกไปถ้าพวกเขาเริ่มรู้สึกว่า “เมืองไทยเอาแน่เอานอนไม่ได้” แล้วจะอยู่ทำไม ไปดีกว่า...