"สมชาย" มอง "พิธา" โอนหุ้น ITV ให้ทายาท ไม่ช่วย ให้ ผิดเป็นถูก

"สมชาย" มอง "พิธา" โอนหุ้น ITV ให้ทายาท ไม่ช่วย ให้ ผิดเป็นถูก

"สมชาย"ชี้ "พิธา" ต้องเข้าสู่กระบวนการต่อสู้ ปมถือหุ้น ITV มองการโอนหุ้นให้ทายาท ไม่ทำให้ผิดเป็นถูก ชี้ทางกฎหมายถือว่ากระทำสำเร็จแล้ว

นายสมชาย แสวงการ ส.ว.  ให้สัมภาษณ์ ต่อกรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล ระบุถึงว่า ได้แบ่งมรดกหุ้น ITV ให้แก่ทายาทอื่นโดยสิ้นเชิงแล้ว ว่า ประเด็นดังกล่าวไม่สามารถทำให้ความผิด กลายเป็นถูกได้ เพราะการถือครองหุ้นสื่อ ที่เป็นคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) ของผู้สมัครส.ส. รวมถึงแคนดิเดตนายกฯ นั้น เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่นายพิธา ส่งใบสมัครต่อกกต. ช่วง 4-7 เมษายน แล้ว ดังนั้นทางกฎหมาย หรือ นิตินัยถือว่าเป็นข้อยุติแล้ว และทำได้สำเร็จแล้ว  ทั้งนี้ตนไม่ขอวิจารณ์ตามที่มีการตั้งคำถามว่า นายพิธาขายหรือโอนหุ้นทำไม ทั้งนี้เขาต้องรับผิดชอบ

 

“ผมเห็นคุณพิธา อธิบายผ่านเฟซบุ๊กแล้ว เป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากยอมรับการต่อสู้ว่าไอทีวีเป็นสื่อมวลชนหรือไม่ ตามประเด็นที่มีผู้ยื่นคำร้องไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง  อย่างไรก็ดีการไม่ถือครองหุ้นสื่อไว้ถือเป็นผลดีกับตัวเองในอนาคต เพราะคุณพิธายังสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ได้ในครั้งถัดไป” นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวด้วยว่าสำหรับการต่อสู้ในคำร้องของนายพิธานั้นมีมุมเดียวคือ ไอทีวีเป็นสื่อหรือไม่ ทั้งนี้ตนเชื่อว่าการต่อสู้ในประเด็นดังกล่าวต้องพิจารณาด้วยการตรวจสอบงบการเงิน และการแสดงบัญชี ที่ยื่นต่อกรมสรรพากร ที่ทำได้ง่ายและย้อนหลัง 5 ปี หรือตั้งแต่ 2550 หรือ ปี 2562 ที่นายพิธา ยื่นลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ทั้งนี้การตรวจสอบไม่เฉพาะที่ใช้คลื่นความถี่เท่านั้น แต่ต้องพิจารณาอื่นๆ ด้วย เช่น ผลิตรายการอื่นๆ หรือไม่ เพราะขณะนี้งบการเงินของไอทีวีนั้นมีความเคลื่อนไหว มีกำไร ขณะที่การต่อสู้เรื่องคดีไอทีวี ที่มีคดีกับ สปน. นั้น ซึ่งค้างในชั้นศาลปกครองสูงสุดนั้น ตนมองว่าเป็นความประสงค์ที่จะทำหรือประกอบกิจการต่อ

 

“ในรายละเอียดของเรื่องคดีนี้ ต้องพิจารณาคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งผูกพันทุกองค์กร รวมถึงองค์กรอิสระด้วย ส่วนที่มีหลายฝ่ายยกคำวินิจฉัยของศาลฏีกาในคดีของหลายคนมาต่อสู้นั้น ในประเด็นดังกล่าวคำตัดสินมีผลผูกพันเฉพาะคู่ความเท่านั้น ซึ่งต่างจากศาลรัฐธรรมนูญที่ผูกพันกับทุกองค์กร และจาก 4 คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยเป็นแนวทางเดียวกันคือ การถือหุ้นเพียงหุ้นเดียวเท่ากับว่าครอบครองหุ้นสื่อฯ” นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่นายพิธา ไม่ยอมชี้แจงกับสื่อที่ตั้งคำถามเรื่องการโอนหรือขายหุ้นทันทีที่ถูกตั้งคำถามเมื่อ 5 มิถุนายน ที่ถูกมองว่ามีเจตนาไม่สุจริต นายสมชาย กล่าวว่า “ผมไม่ขอวิจารณ์ เรื่องนี้ว่านายพิธาจะแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ สังคมต้องพิจารณาเอง”.