"ธนกร" แนะ“พิธา” เป็น ว่าที่นายกฯ ควรพูดตรงไปตรงมา ปมพบปะข้าราชการ

"ธนกร" แนะ“พิธา” เป็น ว่าที่นายกฯ ควรพูดตรงไปตรงมา ปมพบปะข้าราชการ

"ธนกร"แนะ “พิธา” หากเป็นนายกฯที่ดี ให้ยึด "พลเอกประยุทธ์" เป็นแบบอย่าง ควรพูดตรงไปตรงมาปมเดินสายพบหน่วยงานราชการ ห่วงมวลชนก้าวไกล เคลื่อนไหวกดดัน นำบ้านเมืองไปสู่ความขัดแย้งอีก

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 1 มิ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินสายพบหน่วยงานราชการและหน่วยงานภาคเอกชน ว่า การไปพบถ้าหน่วยงานภาคเอกชนก็ทำได้ แต่ถ้าเป็นส่วนราชการต้องดูว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะว่าวันนี้รัฐบาลยังอยู่ ข้าราชการเองก็อาจจะอึดอัด อย่างที่นายพิธาบอกว่าข้าราชการขอมาพบเอง ซึ่งมันก็ไม่ใช่ เพราะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้สอบถามกับข้าราชการ ก็ไม่มีใครไปขอพบนายพิธา 

ดังนั้นเมื่อไปดูในข้อเท็จจริงพรรคก้าวไกลต่างหากเป็นคนไปขอพบกับหน่วยงานราชการ เช่น องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เทศบาลต่างๆ ซึ่งเป็นหน่วยงานราชการส่วนท้องถิ่น คือสิ่งที่พูด กับสิ่งที่ทำมันต่างกัน ตนไม่อยากไปก้าวล่วงท่าน แต่ว่าบางครั้งเราก็ต้องพูดอย่างตรงไปตรงมา เพราะประชาชนจับตาดูอยู่ ท่านเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี การพูดหรือการกระทำของท่านมันจะหมายถึงตัวตนของท่านด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้ตนคิดว่าตัวท่านเองก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีก็ต้องปรับตัว

เมื่อถามว่านายพิธาพูดบิดเบือนในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ไม่ใช่บิดเบือน แต่ในข้อมูลมันไม่ตรงกัน ตนว่าดูพล.อ.ประยุทธ์เป็นหลัก ว่าการเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีได้ท่านเป็นยังไง  ซึ่งท่านก็ให้เกียรติทุกคนอยู่แล้ว 

“ที่บอกว่าหน่วยงานราชการเชิญมาเอง แต่กลับกลายเป็นว่าท่านเป็นคนเชิญหน่วยงานเอง ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ว่าพูดให้ตรงไปตรงมา ตนคิดว่าประชาชนชอบคนตรงไปตรงมาไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร และต้องดูความเหมาะ ตนเอาใจช่วยอยู่แล้วอยากให้พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลลองบริหารประเทศดูว่านโยบายต่างๆของท่านที่จะทำใน 100 วันมันทำได้หรือไม่อย่างไร” นายธนกร กล่าว

เมื่อถามอีกว่าการเดินสายไปพบหน่วยงานต่างๆ เป็นการสร้างมวลชนขึ้นมากดดันหรือสร้างกระแสหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตรงนี้ ตนไม่อยากไปมองแบบนั้น แต่หลายฝ่าย มองแบบนั้น แต่ว่าสิ่งหนึ่งคือไม่อยากให้ไปเคลื่อนไหวกดดันไม่ว่าจะเป็นมวลชน หรือโซเชียลมีเดีย เพราะในวันนี้ในโซเชียลมีเดียก็มีการเคลื่อนไหวกดดันคนเห็นต่างแล้ว และมวลชนที่เป็นเครือข่ายพรรคก้าวไกลก็เริ่มออกมาแล้วว่าต้องแสดงพลัง ถ้าไม่ได้ดั่งใจ ตนคิดว่าตรงนี้บ้านเมืองจะไปสู่ความขัดแย้งอีก เราไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น วันนี้สิ่งที่พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำมา มันมาไกลมากแล้ว ทุกวันนี้เรามีความสงบ เศรษฐกิจและหลายอย่างก็ดีขึ้น สื่อมวลชนเองก็ใช้ชีวิตตามปกติ เดี๋ยวพอมีม็อบอะไรต่างๆขึ้นมา มันจะไปไกลกว่านั้นอีก ตนคิดว่ามันไม่ควร.