ไชยันต์ มอง "พิธา" เผชิญทางสองแพร่ง บทบาทภาวะผู้นำ ที่จำเป็นต้องตัดสินใจ

ไชยันต์ มอง "พิธา" เผชิญทางสองแพร่ง บทบาทภาวะผู้นำ ที่จำเป็นต้องตัดสินใจ

"ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร"  ให้สัมภาษณ์พิเศษ "เนชั่นทีวี" ต่อสถานการณ์ "พรรคก้าวไกล" ภายใต้การนำ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ภายหลังได้รับชัยชนะ"เลือกตั้ง66"  ที่มองว่า "เป็นงานยาก" หากให้ "คนนอกพรรค" คอยควบคุม

"ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร"  อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเมินสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ณ ขณะนี้  ผ่านการให้สัมภาษณ์พิเศษ"เนชั่นทีวี"  ที่ประเมินไว้ว่า ก้าวของ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ต่อการเป็นผู้นำประเทศ ต้องเผชิญงานยาก

 

"นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์" ท่านนี้ มองปรากฎการณ์ "ก้าวไกล"เป็นแกนนำในการเชื้อเชิญ 7 พรรคร่วม"จัดตั้งรัฐบาล" พร้อมสนับสนุน"พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศ ว่า ถึงวันที่จะต้องยกมือเลือกนายกฯ ในเดือนสิงหาคม ทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปได้หมด เพราะว่าจากวันนี้จนถึงเดือนสิงหา อาจจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลได้เยอะแยะ

 

แม้แต่การประกาศผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แล้วก็มีเรื่องของการ ใบเหลือง ใบแดง ใบส้ม ใบดำ จะมีตัวเลขที่มีการเปลี่ยนแปลง และมีการเลือกตั้งใหม่ แล้วไม่นับกรณีที่จะต้องส่ง "ศาลรัฐธรรมนูญ" ซึ่งอันนี้อาจจะหมายถึงว่าเปิดประชุมสภาไปแล้ว เรื่องอะไรที่ค้างอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ที่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติของผู้สมัครหรือส.ส. ที่มีปัญหา

 

คราวนี้ กรณีที่ "พรรคก้าวไกล" กำลังสร้างกระแสอะไรต่างๆอยู่ในขณะนี้ การเร่งจับมือตั้งรัฐบาล การเดินสายพบปะแฟนคลับ การหารือภาคธุรกิจเอกชน ผู้ใช้แรงงาน  ตรงนี้แน่นอนว่าเขาต้องการทำให้คนเห็นว่า เราได้ร่วมกันแล้ว และต้องการให้คนเห็นว่า ใครเป็นคนตระบัดสัตย์ ใครเป็นคนทรยศ ใครเป็นคนที่เป็นปรปักษ์ต่อประชาธิปไตย เขาต้องการให้ภาพแบบนั้นเกิดขึ้น ถ้าการตกลง MOU ที่ทำไป และเดือนสิงหาคมไม่เป็นไปตามนั้น เขาก็ต้องโหมกระหน่ำว่าคนพวกนี้ไม่เป็นประชาธิปไตย 

 

 

คนนอกพรรค จุดชนวน"เก้าอี้ประธานสภา"

"นักวิชาการสายรัฐศาสตร์"  มองว่า  พรรคก้าวไกลไม่ได้ประกาศว่าไปแข่งขันจัดตั้งรัฐบาลใดๆทั้งสิ้น แต่เมื่อ "อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล" ออกมาระบุจะต้องได้ตำแหน่งประธานสภา ทำให้ "เพื่อไทย" ออกมา บอกว่า "ปิยบุตร" พูดแบบนี้เป็นคนนอก ไม่ใช่คนเพื่อไทย ประชาชนคนหนึ่งเพราะฉะนั้นไม่เกี่ยว อย่ามาพูดให้เสียกระบวนดีกว่า

 

ในขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่าคน"เพื่อไทย"ก็พูดกันหลายคน คุณอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คุณอดิศร เพียงเกษ ก็พูดกันคนละเรื่องคนละราว แต่ก็ไปในทิศทางเดียวกัน ว่าตำแหน่ง"ประธานสภา" ตีความได้ว่าดูเหมือนว่า กำลังจะบอกสังคมและ"ก้าวไกล"ว่าอย่าเพิ่งด่วน ที่จะต้องบอกว่าเป็นของ"ก้าวไกล"

ไชยันต์ มอง \"พิธา\" เผชิญทางสองแพร่ง บทบาทภาวะผู้นำ ที่จำเป็นต้องตัดสินใจ

โดยปกติแล้วพรรคที่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะต้องมีคนของตัวเองเป็น "ประธานสภาผู้แทนราษฎร" สมัยคุณทักษิณ ชนะเลือกตั้งปี 40 ก็ได้คนของตัวเอง ปี 48 ก็ใช่ เป็นธรรมเนียมว่ามักจะให้ คนของพรรคที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เป็นประธานสภา

ยกเว้น 2-3 ครั้งในประวัติศาสตร์ การเมืองไทย อย่างครั้งระหว่างรัฐบาลปี 62 ถึงปี 66 พบว่า"พลังประชารัฐ"เป็นแกน แต่ว่าให้ "ประชาธิปัตย์" มาเป็นประธานสภา คือ คุณชวน หลีกภัย

ทีนี้ถ้า "ก้าวไกล" จะยืนยัน ว่าให้ตำแหน่งนี้เป็นของ"ก้าวไกล" ปัญหาก็คือ ใครหล่ะในก้าวไกล เพราะว่า"ประธานสภาผู้แทนราษฎร" ควรจะต้องเป็นคนที่ รู้กฎเกณฑ์กติกา ระเบียบประชุมสภา ซึ่งอย่างนี้เรียนรู้กันได้ แต่อันนั้นก็ไม่เท่ากับว่าคุณได้เคยอยู่เป็นส.ส. ในสภามาจริงๆ แล้วคุณจะต้องเก๋าพอ เก๋าเกมพอที่จะควบคุม

ปมปัญหา"ก้าวไกล"ก่อขึ้น ต้องตามแก้เอาเอง

"ศ.ดร.ไชยันต์" ยกตัวอย่าง"ประธานสภา"ในประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ว่า อย่างในอังกฤษ ปัจจุบันนี้นะครับ "ประธานสภาผู้แทนราษฎร"อายุ 66 ปี ซึ่งอายุไม่เกี่ยว แต่ประเด็นคือ เขาเป็นสส. มาตั้ง 20 กว่าปี ก่อนหน้าประธานสภา คนปัจจุบัน เป็นส.สมาก็เกือบ 20 ปี คือ ไล่จากคนประธานสภาคนปัจจุบันเนี่ยกลับไป 3 คนนี่นะครับ ไม่มีใครต่ำกว่า 15-16 ปี คือต้องเป็นคนแบบนั้น ที่จะเป็น"ประธานสภาฯ" แล้วเวลาจะ คุมเกม คนเขาจะต้องเกรงใจฟัง แล้วก็มีความเชี่ยวชาญ มีลูกเล่นในการใช้กฎเกณฑ์กติกา อะไรก็แล้วแต่

 

 

ทีนี้ "ก้าวไกล"มีหรือไม่ แต่"เพื่อไทย"มี ฉะนั้น"เพื่อไทย"จะตั้งคำถาม อย่างน้อยคนที่อยู่มานานๆ พอจะได้อยู่ ถึงแม้เขาจะไม่เคยเป็นประธานสภา อยู่มานานเนี่ยเขาจะรู้ว่า นั่งประชุมมาไม่รู้กี่สมัย เขาก็จะรู้วิธีการ แต่เอาเถอะ จะบอกว่าอังกฤษ เป็นประเทศเก่าแก่ต้นแบบ เพราะฉะนั้น"ประธานสภา"อายุมาก ก็ให้ไปดู"ออสเตรเลีย"ก็ได้ประธานสภาคนปัจจุบัน เป็นส.ส.มา 6-7 ปี ถือว่าเร็ว แต่"ก้าวไกล"เนี่ยสุดๆแล้วเป็นส.ส อย่างมากสุด4 ปีถูกต้องไหม

ไชยันต์ มอง \"พิธา\" เผชิญทางสองแพร่ง บทบาทภาวะผู้นำ ที่จำเป็นต้องตัดสินใจ

อย่าลืมนะบางคน ไม่เคยเป็นส.ส.มาเลย เพิ่งเป็น อย่างเช่น เลขาธิการพรรค ซึ่งผมก็รู้จักเป็นการส่วนตัว "คุณชัยธวัช ตุลาธน"  ถ้าแกจะถูกวางตัวเป็น "ประธานสภา" ไม่มีประสบการณ์ส.ส. "พรรคเพื่อไทย"เขาอาจจะบอกว่า ทำอะไรกันวะเนี่ย

 

"ดีไม่ดี ไม่ใช่เฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลแต่ส.ส.ทั้งสภา 500 คนก็จะบอก"ก้าวไกล"ทำอะไรเนี่ย เอาคนที่ไม่เคยเป็นส.ส.เลยแบบนี้ได้อย่างไง นี่คือปัญหาของก้าวไกล แม้กระทั่งจะเป็นรัฐมนตรี ซึ่งอายุต้อง 35 ขึ้น ตามกฎหมาย มีกี่คน คือตัวเด่นๆเขา ถึง 35 หรือเปล่า แต่ข้อดีของ ก้าวไกล คือว่า เขาเอานักการเมืองเลือดใหม่ คนรุ่นใหม่ซะเยอะ แต่มันก็จะมีปัญหาว่า อายุคุณไปถึงแค่ไหน"

 

อ.ไชยันต์ บอกอีกว่า "ผมถึงบอกไงว่า เขาก็ไม่ได้เร่ง เขาไม่ได้เป็นรัฐบาลคราวนี้ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่"คุณพิธา"อาจจะอยากเป็น คือ มาถึงขนาดนี้แล้ว เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลภายในพรรค เขาเป็นตำแหน่งหัวหน้าพรรค จะด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้ เขามาถึงจุดนี้แล้ว ถึงเวลาจะมาบอกว่าอ้าวไม่ต้องเป็นก็ได้ เพราะว่ามวลชนพรรคบอกว่า ถ้าเงื่อนไขในการจัดตั้งรัฐบาลหรือร่วมกับพรรคอื่นมันยุ่ง เราไม่เป็นรัฐบาลก็ได้ เช่นไม่ได้ประธานสภาก็ไม่เป็นไร พรรคอาจจะไม่ว่า คืออาจจะยอมเป็นฝ่ายค้านถ้าไม่ได้นู่นนี่นั่น"

 

 

"พิธา" กับบทบาทภาวะผู้นำที่ต้องตัดสินใจ

"คุณพิธา"ต้องถามตัวเองว่า ตกลงโอกาสที่จะได้คราวนี้ จะได้อีกทีในการเลือกตั้งคราวหน้าหรือเปล่า เพราะจะเป็นปัญหาภายในพรรคแล้วหล่ะ อย่าลืมว่า"คุณพิธา" ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแบบที่เรียกว่ามีการลาออก หมดวาระของหัวหน้าพรรคเก่า มีการให้สมาชิกมาลงคะแนน แต่เป็นเรื่องของอุบัติเหตุทางการเมืองที่ถูกยุบพรรค หัวหน้าเดิมถูกตัดสิทธิ์ ก็ต้องเอาคนที่เรียกว่า ไม่ได้สร้างตัวเองขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคเป็น"วีรบุรุษ"โดยบังเอิญ คือ "คุณพิธา"ขึ้นมาตรงนี้ส้มหล่น ก็หล่นมายาวจนถึงตอนนี้ แล้วก็หล่นใหญ่เลยคราวนี้ แล้วถ้าเกิดถึงเวลาพรรคบอกให้รอไปอีก 4 ปี หรือถ้ายุบสภาก่อนก็ 3 ปี อันนี้ผมไม่แน่ใจ ว่าคุณจะรู้สึกว่าคุณเสียโอกาสมากไหม

ไชยันต์ มอง \"พิธา\" เผชิญทางสองแพร่ง บทบาทภาวะผู้นำ ที่จำเป็นต้องตัดสินใจ

ถ้า "คุณพิธา" เกิดใช้ความเป็นหัวหน้าพรรคขึ้นมาอย่างเต็มที่จะเกิดอะไรขึ้น ใช้ความเป็นหัวหน้าพรรคของตัวเองเต็มที่เพื่อจะเจรจาและนำทุกอย่างไปสู่การที่ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ อันนี้ก็เรียกว่าเป็นผลประโยชน์ตัวเองผลประโยชน์พรรค ผลประโยชน์สมาชิกพรรค ผลประโยชน์แฟนคลับ ผลประโยชน์ประเทศชาติ

 

"การที่ตัวเองยอมถอย ถอยเพื่ออะไร ประธานสภาที่พรรคก้าวไกลต้อง การ ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ถึงเวลาพรรคก้าวไกลคงนำเสนอ การแก้ไขมาตรา 112 เพราะต้องเสนอผ่านประธานสภา"  นักวิชาการรัฐศาสตร์ ระบุ

 

สำหรับความพยายามแก้ไขมาตรา 112 "อ.ไชยันต์" บอกว่า เพราะคุณพิธาพูดเองว่ารัฐบาลก็ไม่ได้ไปผูกมัดพรรคร่วมในเรื่องมาตรา 112 แต่ว่าพรรคก้าวไกลจะฉายเดี่ยวเอง คือพรรคจะเสนอการแก้ไขมาตรา 112 ในสภา ก็คือมี 151 เสียงลำบาก แต่ถ้าได้ประธานสภา เป็นคนก้าวไกล การที่จะรับขอยื่นแก้ไขต่างๆ อาจจะง่ายขึ้น

 

"แก้มาตรา 112  คุณพิธา หรือคนที่เป็นแฟนคลับก้าวไกลจำนวนหนึ่งจะคิดว่าเฮ้ย "มาตรา112" แก้เมื่อไหร่ก็ได้ไม่ใช่หรือ ค่อยๆแก้ไหม หรือการที่จะต้องได้"ประธานสภา"มาเพื่อจะไปแก้กฎหมายอาจไม่จำเป็น "คุณพิธา"อย่าคิดว่าผลประโยชน์ของชาติสำคัญ เช่น ปรับค่าแรง ยกเลิกเกณฑ์ทหาร สุราเสรี อันนี้เป็นนโยบาย ที่ขับเคลื่อนออกมาได้เลย สามารถทำแล้วคนรู้สึกว่า เหมือนกับที่คุณทักษิณ ชนะเลือกตั้งปี 44 ผลักดัน 30 บาทรักษาทุกโรค" อ.ไชยันต์ กล่าวย้ำ

 

ศ.ดร.ไชยันต์ บอกด้วยว่า พิธาอาจจะคิดว่า การที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี หรือการที่"ก้าวไกล"เป็นรัฐบาล ไม่ใช่ผลประโยชน์ส่วนตัวของผมเลยนะ แต่ผมต้องเป็นนายกฯ ผมต้องเป็นรัฐบาลเพื่อทำให้ค่าแรงปรับขึ้น เป็นประโยชน์ของแรงงานทั้งชาติ แล้วก็สุราเสรี คือชาวบ้านทั้งหมดทั่วประเทศ เกณฑ์ทหารถ้าบอกปีหน้าไม่มี สามารถออกกฎหมายปีหน้าไม่ต้องเกณฑ์ เฮกันชัดๆ แต่การแก้ไขมาตรา 112 นี่มันก็เฮแต่จำพวกคนที่ติดคดี คนที่มีอุดมการณ์จ๋าจริงๆไม่เยอะ 

 

เพราะฉะนั้นการที่"คุณพิธา"คิดอยากจะเป็นนายกฯและจัดตั้งรัฐบาลให้ได้จนต้องยอมถอยเรื่อยๆ มองแง่หนึ่งคือ ปรารถนาอยากเป็นนายกนี่ แล้วไม่ยอมมีอุดมการณ์ แต่อีกทาง เขาก็บอกเฮ้ยอันนี้คือ ถ้า"ก้าวไกล"ได้เป็นรัฐบาล 1 2 3 4 นี่มันทำได้ 112 ช้าไปไม่เป็นไร อะไรแบบนี้ 

 

"ผมนะอยากให้จัดตั้งรัฐบาลได้ ไม่ว่าใครก็ตาม แต่ถ้าถามว่าสำเร็จไหม ผมบอกได้เลยว่า 50 - 50 จริงๆ ปัญหาก็คือพรรคจัดตั้งร่วมรัฐบาลนี่หล่ะ เริ่มต้นตรงนี้ ก็คือด่านแรก ยังไม่ต้องรอไปดูส.ว. เดือนสิงหาคมเลย"

 

เอาแค่วันที่จะโหวตให้นายกฯ แค่พรรคร่วมไม่ได้เป็นแบบเนื้อเดียว แบบที่พรรคร่วมทำ MOU เอาไว้ก็ยุ่งแล้ว แล้วไม่ได้หมายความว่าจะมีใครจัดตั้งรัฐบาลแข่งเลยไม่มีเลย อาจจะมีพรรคร่วมเขางดออกเสียงก็ได้ พรรคที่ทำเอ็มโอยูอยู่ด้วยกันงดออกเสียง หรืออาจจะมีลักษณะที่เรียกว่า คนที่เขาอยากได้คน "เพื่อไทย" เป็นนายกฯ แทน"พิธา" ซึ่งเคยทำกันมาแล้วนี่ สมัยปีที่"คุณอภิสิทธิ์"เป็นนายกพรรคเพื่อไทยไปเสนอใครตอนนั้น "คุณประชา พรหมนอก" ที่ไม่ได้อยู่พรรคเพื่อไทย

 

แล้วปี 62 "เพื่อไทย"เสนอใคร ในขณะที่"พลังประชารัฐ" เสนอ"พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา" ปี 62 เพื่อไทยเสนอ"คุณธนาธร" ไปสภาพว่าที่พรรคหนึ่งไปเสนออีกพรรคหนึ่งมีมาแล้วไง แล้วก็ลืมมองไป 
 

แต่ของเอ็มโอยู ที่"ก้าวไกล"ทำขึ้นมา ทำไปไม่กี่วันก็แตกแถว พูดไปสัญญาณก็ไม่เหมือนกัน อย่างว่านะ ได้อย่างเสียอย่าง "ก้าวไกล"พยายามสร้างกระแสว่าตัวเองจัดตั้งได้แล้วให้มวลชนรับรู้เพื่อมีกระแสนิยมทั้งในประเทศและทั่วโลก ข้อดีก็มีแต่ว่าข้อเสียเนี่ย ระหว่างทางบางทีขันหมากมันก็ไม่ไป

ไชยันต์ มอง \"พิธา\" เผชิญทางสองแพร่ง บทบาทภาวะผู้นำ ที่จำเป็นต้องตัดสินใจ

ธรรมดาหล่ะ ถ้าหมั้นนานๆ เคยได้ยินไหมที่บอกว่า หมั้นน่ะอย่าหมั้นนาน เพราะหมั้นนานจะเห็นแต่ความไม่พอใจโน่นนี่นั่น ก็ยกเลิกหมั้นไป หมั้นแล้วต้องรีบแต่งเลย แต่นี่อีกตั้งสองเดือน 

ปัญหาเนี่ยถ้ายอมแล้ว ฝั่งนั้นได้คืบก็จะเอาศอก เป็นอย่างนี้จริงๆ ถ้ายอมแล้ว คราวนี้ประชาชาติเริ่มเอาด้วย ฉันจะต้องเอานู่นเอานี่ แล้วก็จะมีการพูดว่าเพียง เพราะ"พิธา" ปรารถนาเก้าอี้นายกฯ เท่านั้นเอง ถึงยอม "พรรคก้าวไกล"ก็จะโกรธ มวลชนจะโกรธ แต่คนอย่าง"พิธา"ก็ต้องอธิบาย

 

สมมุติถ้าจะเอาจริงๆเป็นนายกจริงๆต้องบอกเลยว่าอะไรคือรอได้ สิ่งที่หาเสียงอะไรคือรอได้ แบบว่า"ก้าวไกล"ขึ้นมาแล้วพูดแล้วทำ คุณจะใช้วิธีว่ามาแหยมๆแล้วกลับไปเพื่อรอเลือกตั้งคราวหน้า แล้วก็ได้กระแสเกิน 250 แบบแลนด์สไลด์ เอาแบบไทยรักไทยปี 2548 ได้รับสามร้อยเจ็ดสิบกว่าส่วนห้าร้อย คุณพิธาไม่แน่ถึงเวลานั้นอาจไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคแล้วก็ได้ แล้วใกล้เวลาที่ 2 คน 3 คนนั้นเขาจะกลับมา แล้วเขาเอาแน่ เขาถูกตัดสิทธิ์ไปตั้งแต่ 63 สิบปี เจ็ดสามเขากลับมาแน่ คุณรอไปจะเกิดไรขึ้นก็ไม่รู้

 

อ.ไชยันต์ บอกด้วยว่า น่าเห็นใจคุณพิธามาก ถูกกดดันจากหลายฝ่าย ฉะนั้น"คุณพิธา"ควรจะมีภาวะผู้นำที่ชี้ขาด อย่ามาบอกเลยว่า ต้องฟังเสียงประชาชนและมวลชนในพรรค ฟังในระดับหนึ่ง แต่ถึงจุดหนึ่งคุณต้องฟันธงแล้วหล่ะ คุณต้องกล้า กล้านำพรรคว่าจะเอาอย่างไง ถ้าคุณจะมีอุดมการณ์ บอกว่าถ้าไม่ได้อย่างนี้ จะเป็นฝ่ายค้าน คุณต้องทำให้คุณเป็นพระเอกให้ได้

"ไม่ได้ทำให้คนนอกพรรคอย่างคุณปิยบุตรเป็นพระเอก คุณต้องทำให้คุณเป็นพระเอกให้ได้ คุณจะไปทำแล้วไปๆมาๆจะมีเงา 3 คนตลอดเวลา ผมว่าคุณมีปัญหาแน่ คุณเป็นหัวหน้าพรรคคุณเป็นนายก คุณมีปัญหาแน่นอน"  ศ.ดร.ไชยันต์ กล่าวทิ้งท้าย