พท.ปัดภาพคู่ ‘เศรษฐา-อนุทิน’ร่วมเชียร์เลสเตอร์ไร้ดีลลับทิ้ง ‘ก้าวไกล’

พท.ปัดภาพคู่ ‘เศรษฐา-อนุทิน’ร่วมเชียร์เลสเตอร์ไร้ดีลลับทิ้ง ‘ก้าวไกล’

‘เพื่อไทย’ปัดภาพคู่ ‘เศรษฐา-อนุทิน’ร่วมเชียร์เลสเตอร์ไร้ดีลลับทิ้ง ‘ก้าวไกล’ แนะอย่าฟังเซียนข้างบ่อนทำหลงประเด็น ย้ำ ยังไม่แบ่งตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เสียงข้างมากเด็ดขาดเท่านั้นที่เลือกตั้ง

จากกรณีที่ปรากฎภาพ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย และ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อยู่ในเฟรมเดียวกัน ที่สนาม คิงพาวเวอร์ สเตเดียม รังเหย้าของทีมสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ประเทศอังกฤษ ระหว่างเกมนัดสุดท้ายของเลสเตอร์ ซิตี้ พบกับทีมสโมสรเวสแฮม ยูไนเต็ด เมื่อคืนวันที่ 28 พ.ค. ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย โดยมีการตั้งข้อสังเกตุว่า การเจอกันของทั้งสองคนนี้ อาจจะมีการพูดคุยประเด็นทางการเมืองหรือไม่

ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบจากสื่อ แต่นายเศรษฐาเคยพูดไว้ก่อนแล้วว่าจะไปดูฟุตบอล ถ้าตั้งสมมุติฐานเรื่องดuลลับตนไม่มีความเห็น เชื่อว่านายเศรษฐาไม่ใช่คนเช่นนั้น ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนั้นถือเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนจะจริงหรือไม่จริงต้องดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น 

เมื่อถามว่าภาพดังกล่าวเกิดขึ้นจังหวะเดียวกับที่นายชูวิทย์ กลมวิศิษฎ์ ออกมาเปิดเผยเรื่องดิลลับ นพ.ชลน่าน กล่าวว่าตนไม่มีความเห็นและนายเศรษฐาเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ภารกิจที่เขาไปทำเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ได้เป็นภารกิจของพรรค 
 

“ขอยืนยันว่าในมุมของพรรคไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร เราขอปฏิเสธว่าไม่มีดีลลับอะไรต่างๆ แม้แต่เจ้าตัวที่ถูกพาดพิงก็แจ้งมาในสื่อโดยตรง ฉะนั้นขอยืนยันอย่าเอาเหตุการณ์ในหลายๆเรื่องไปผูกให้เป็นเรื่องสอดรับสอดคล้องกัน ปรากฎการณ์อาจเกินขึ้นในจังหวะที่สอดรับกันได้แต่ตนมั่นใจว่าไม่ใช่ และขอยืนยันว่าไม่ใช่ในนามเพื่อไทย” 

เมื่อถามว่าปัญหาระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลมีการคุยภายในกันหรือยัง นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรามีคณะเจรจาของแต่ละพรรคที่จะทำงานร่วมกัน เขาอาจพบปะกันทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการหากเป็นทางการยอมรับว่าหลังจากวันที่ร่วมเซ็นเอ็มโอยู ยังไม่ได้หารือกันอย่างเป็นทางการ ประเด็นต่างๆที่เกิดขึ้นเราต้องมองภาพมิติสังคมประชาธิปไตยเป็นหลัก การแสดงความเห็นของแต่ละฝ่ายเป็นสิทธิเสรีภาพ 

“ในมุมของพรรคเพื่อไทย ยึดหลังคณะเจรจา ความเห็นที่ออกมาจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คณะเจรจาเป็นเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเจรจา ถือเป็นประเด็นภายนอกไม่เช่นนั้นจะทำเราหลงประเด็น ยอมรับว่าในมุมของพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลเราไม่มีข้อขัดแย้งกัน คณะเจรจาเขาดำเนินการไปด้วยดี เพียงแต่พวกเราไปยึดติดการนำเสนอผ่านสื่อมากเกินไปจึงเห็นว่าเป็นข้อขัดแย้ง ยืนยันไม่ใช่ข้อขัดแย้ง และพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยต้องหาความเห็นร่วมในความเห็นต่างให้ได้”
 

เมื่อถามว่าปัญหาต่างๆในสัปดาห์ที่ผ่านมา นพ.ชลน่าน ได้ประสานหรือพูดโดยตรงกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า โดยตรงไม่มีเพราะมอบให้นายประเสริฐ เป็นคนประสานงานหลัก 

เมื่อถามว่าขณะนี้มีกระแสข่าวเกี่ยวกับการแบ่งเก้าอี้ในคณะรัฐมนตรี พรรคร่วมได้พูดคุยถึงเรื่องดังกล่าวแล้วหรือยัง นพ.ชลน่าน กล่าวว่าการพูดอย่างเป็นทางการไม่มี การทำงานร่วมกันนั้นปฏิเสธเรื่องการจัดสรรตำแหน่งไม่ได้ และเราก็ระมัดระวังว่าการจัดสรรตำแหน่งของเราพยายามนำเสนอให้ประชาชนเห็นภาพว่าเราแบ่งงานกันทำตามวาระงาน ตามวาระหน้าที่ ที่เหมาะสมตามนโยบายของแต่ละพรรค พรรคแกนนำได้ให้แนวทางมาเช่นนั้น ฉะนั้นมุมมองที่เราจะสื่อออกไปต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ ไม่อยากให้เกิดในลักษณะแย่งงานกันทำ
 
เมื่อถามถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ยังยืนยันว่าควรเป็นของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตอนนี้คณะเจรจากำลังคุยกัน ตนในฐานะหัวหน้าพรรคและมีชื่อตัวเองไปเกี่ยวข้องไม่อยากแสดงความเห็นในเรื่องนี้ เป็นหน้าที่ของคณะเจรจา เป้าหมายสำคัญที่สุดของการทำงานร่วมกันของพรรคก้าวไกลและเพื่อไทย เราต้องให้ความสำคัญของอาณัติประชาชนจำนวน 25 ล้านเสียงที่ประชาชนมอบให้เรามาเสมือนเป็นการมัดให้เราทำงานร่วมกัน 

“ต้องเอาตรงนั้นเป็นหลัก เขาต้องการรัฐบาลประชาธิปไตย ที่จะไปปิดกั้นยุติการสืบทอดอำนาจ และการจัดตั้งรัฐบาลรวมถึงการเลือกนายกฯที่เราประกาศชัดเจนว่าเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ นั้นคือเป้าหมายหลัก ควรยึดตรงนั้นและหาทางออกร่วมกัน ทำงานร่วมกัน เพื่อไปถึงเป้าหมายเชื่อว่าคุยกันได้” 

เมื่อถามย้ำว่า มีชื่อนพ.ชลน่านไปเกี่ยวข้องกับประธานสภาฯ ถ้าพรรคร่วมเลือก พร้อมหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ยังไม่ตอบต้องดูผลเจรจาว่ามีทางออกอย่างไร เมื่อถามว่า ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มองว่าการตั้งรัฐบาล ตำแหน่งประธานสภาฯ ต้องนำไปรวมกับเก้าอี้บริหารด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ตามหลักเสียงข้างมากเด็ดขาดเรายอมรับในมุมนั้นเพราะเขามีสิทธิกำหนดตำแหน่งต่างๆทั้งบริหารและนิติบัญญัติ ให้สอดรับการทำงานของแต่ละฝ่าย แต่กรณีที่เป็นลักษณะพรรคร่วม มีวิธีคิดหลายเรื่องที่จะหาโอกาสทำงานร่วมกัน 

โดยเฉพาะพรรคร่วมที่มีเสียงใกล้เคียงกันอาจมีทิศทางหรือแนวทางในการทำงานร่วมกันภายใต้การยอมรับซึ่งกันและกัน แต่ข้อยุติบางอย่าง ยุติด้วยตัวมันเอง เช่นเสียงข้างมากเด็ดขาด แต่กรณีความเห็นต่างที่มีเสียงก้ำกึ่งกัน ต้องอาศัยเสียงข้างมากในการตัดสิน การทำงานร่วมกันถ้าทุกฝ่ายให้เกียรติซึ่งกันและกันเราก็ไปด้วยกันได้ 


เมื่อถามว่าความเห็นต่างที่เกิดขึ้นจะทำให้อาณัติประชาชนที่มัดเราด้วยกันคลายออกได้หรือไม่ นพ.ชลน่าน ตอบว่า ตนมั่นใจว่าคลายไม่ได้ เพราะเรายึด 25 ล้านเสียงเป็นหลัก เรายึดเป้าหมายรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยเป็นหลัก ตรงนี้ยากที่จะคลายออกจากกันได้ ถ้าฝ่ายไหนฝ่ายหนึ่งแยกออกไปย่อมทำให้ความหวังของประชาชนเสียหาย